อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) บันทึกโดยลูกชายเนื่องจากวันพ่อ
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด และสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ชาฟิอี บิน สะอีด (ชื่อตามทะเบียนบ้านสะปิอี ดินอะ) คนทั่วไปรู้จักท่านในนามจูอิง ท่านเกิด พ.ศ.2485 ที่ตลาดแขก ม.2 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของนายสะอีด ดินอะและนางฟาติเม๊าะ (หะยีมานิส) ท่านเป็นลูกคนคนที่5 สุดท้อง (จึงเรียกว่าจู โดยธรรมเนียมของคนมลายูชายแดนใต้)ชาย3 (รวมกับท่าน)หญิง 2 (เสียชีวิตตั้งแต่เด็กผมจึงมิได้พบท่านทั้งสอง) พี่ชายคนแรกของท่านชื่อหะยีดาโอ๊ะ ดินอะ พี่ชายคนที่สองชื่อหะยีอิสมาอีล ดินอะ
การศึกษา ชีวิตครอบครัวและภารกิจครูอัลกุรอาน
สามัญท่านจบชั้นประถมศึกษาปีที่4 จากโรงเรียนบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
ศาสนา ท่านศึกษาอัลกุรอานเบื้องต้น จากคุณพ่อท่าน หลังจากจบการศึกษาสามัญ ผู้ปกครองท่านส่งไปเรียนปอเนาะ กับโต๊ะครูปราชญ์อิสลามที่ดังที่สุดของอำเภอจะนะ คือ บาบอหะยี อะห หมัด นิยมเดชา (บาบอหมะ บือแนบารา)ซึ่งเป็นทั้งคุณลุงและครูของท่านจุฬาราชมนตรีอาศิส พิทักษ์คุมพล (ท่านจุฬาราชมนตรีคนนี้ก็เป็นศิษย์รุ่นน้องท่านและเคยสอนพิเศษให้)หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี ท่านก็ศึกษาต่อที่ปอเนาะภูมี อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี กับบาบอบาบออับดุลรอหมาน (http://spmcnews.com/?p=34869)
ภรรยาท่าน(คุณแม่ผม)สะแล้หะ ดินอะ เคยเล่าให้ฟังว่า “ทุกครั้งที่บาบอปอเนาะภูมี คือบาบออับดุลรอหมาน จะมาทำกิจกรรมที่จะนะ และบริเวณใกล้เคียงก็จะมาพักที่บ้าน (จะนะ) วันสองวัน เพราะพ่อหะยีชาฟิอีเป็นศิษย์ท่าน”
นายอับดุลวาฮับ มูฮำหมัด ชาวปทุมธานีเล่าให้ฟังว่า “ท่านชาฟิอี เป็นรุ่นพี่ที่ดีมากๆ รวมทั้งยังช่วยสอนหนังสือศาสนา(ภาษามลายูปาตานีเรียกปาลอตอลือเอาะคล้ายผู้ช่วยโต๊ะครูสอนหนังสือเล่มเล็กๆง่ายๆ)พร้อมทั้งชี้ตำแหน่งปอเนาะของท่านชาฟิอีตอนเรียนที่ปอเนาะภูมีสมัยนั้น” อายุ 28 ปี ท่านก็สมรส กับนางสะแล้หะ (สอลิห๊ะ บินติอาหวัง)สนิเห (ใช้นามสกุลแม่) และประกอบอาชีพค้าขายผ้าตามตลาดนัดต่างๆประมาณ 10 ปี ช่วงนั้นก็เลี้ยงนกเขาชวา พร้อมทำฟาร์มนกเขาขายลูกนกเขา ไปด้วย เป็นงานอดิเรก ประมาณปี2528 นกเขาท่านเริ่มมีชื่อเสียงมีชื่อว่า “ศรีจะนะ”เป็นกเขาเสียงใหญ่แข่งทุกครั้งได้ถ้วยรางวัลเกือบทุกครั้งจนต้องซื้อตู้มาใส่ และส่งผลให้ท่านสามารถขายลูกนกจากฟาร์มท่านมากขึ้นซึ่งสมัยนั้นแต่ละคนต้องเขาคิวจอง ขายลูกนกคู่ละประมาณ 5,000 บาท พร้อมทั้งเปลี่ยนอาชีพ ประกอบกรงนกขาย โดยภรรยาท่านจะเย็บผ้ากรงนกเขาชวา นอกจากท่านขายที่บ้านท่านยังนำกรงนกไปขายตามสนามแข่งนกทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการแข่งขันนกเขาชวาทุกวัน อาทิตย์แม้กระทั่งการแข่งขันนกเขาชวาเสียงระดับอาเซียนที่จังหวัดยะลาในยุคแรกๆ
ดังนั้นรายได้หลักท่านมาจากนกเขาไม่ว่าจากฟาร์มและกรงนกสามารถทำให้ท่านสามารถเลี้ยงครอบครัว รวมทั้งส่งลูกๆ เรียนหนังสือรวมทั้งผู้เขียนจนได้สองปริญญาตรีรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหงและศาสนศาสตร์(อุศูลุดดีน)มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์
สำหรับท่านแล้วมีลูกกับคุณแม่สะแล้หะด้วยกันสี่คนชายสองคือผู้เขียน(อับดุลสุโก) สมเดช (อับดุลกอเดร์) พาริด๊ะ (ภรรยามุฮำหมัด อิดิ้ง)และครูอาร์ซีซ๊ะ
สำหรับลูกของท่านทั้งหมดท่านสอนอัลกุรอานด้วยตัวท่านเอง
ประมาณปี 2516 ผู้เขียนอายุสี่ปีท่านเริ่มสอนอัลกุรอานที่บ้านช่วงคำ่ (ระหว่างมัฆริบ “ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า”ถึงอีซา “นับต่อจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง” )เมื่อเพื่อนๆท่านเห็นท่านสอนอัลกุรอาน ก็ขอฝากลูกๆมาเรียนด้วย หลังจากนั้นเริ่มขยายสู่คนอื่นๆในชุมชนจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก เพราะ ท่านสอนตลอดจนท่านเสียชีวิต (ยกเว้นวันหยุด)วันพฤหัสบดี ที่ 8 เวลา ประมาณ 23.30 น. (คืนวันศุกร์ถ้าใช้หลักคิดอิสลาม) เดือนเชาวาล ปี ฮิจเราะหฺศักราช 1412 ตรงกับ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2541 รวมอายุท่านประมาณ 57 ปีและสอนอัลกุรอานรวมประมาณ 25 ปี
คุณแม่สะแล้หะเล่าให้ฟังในคืนที่ท่านจะกลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ว่า “หลังจากท่านชาฟิอีละหมาดรวม (ญะมาอะห์)ที่มัสยิดจะนะท่านถูกเชิญให้อ่านอัลกุรอานบ้านคนตายที่บ้านตก (กัมปงยาโตะห์)หลังจากนั้นกลับบ้านนอนด้วยกันเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่านิดๆ ท่านลุกขึ้นไปเปิดประตูให้กับลูกชาย (สมเดช) หลังจากนั้นกลับมานอนด้วยกันต่อแต่พอหัวถึงหมอนได้แป้ปเดียวท่านหายใจแปลกเหมือนคนสิ้นใจ พร้อมท่านกล่าวว่าلا اله الا اللهไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ แล้วท่านก็กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์จริงๆด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม”
เวลาประมาณ 24.00 น.ผู้เขียนกำลังจะตั้งหัวนอนบ้านผู้ปกครองอาจารย์บูดีมัน แยนาตลาดเก่าเมืองยะลามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแจ้งให้ผู้เขียนรีบกลับเพราะคุณพ่อเสียชีวิต ผู้เขียนก็กลับบ้านทันทีกับรถชุกรี หมันหลี(เขาขับ)ซึ่งก่อนหน้านี้เวลา ประมาณ 18.00 น.เขามารับผู้เขียนที่บ้านจะนะไปยะลา(ซึ่งผู้เขียนได้พูดคุยกับคุณพ่อครั้งสุดท้าย)
เวลาประมาณ8.00 น.-10.00 น.ของวันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541 ผู้เขียนอาบนำ้ศพ ห่อศพท่านกับน้องสมเดช หลังจากนั้นก็นำละหมาดศพท่านที่มัสยิดกลางจะนะ และนำศพท่านลงหลุมที่กุโบร์สุสานที่นี่ท่ามกลางเพื่อนๆ ลูกศิษย์และญาติท่าน รวมทั้งเพื่อนไหมจำนวนมาก
ความที่ท่านเป็นครูอัลกุรอานให้กับชุมชนโดยใช้บ้านเป็นท่านเป็นแหล่งบ่มเพาะ ดังนั้นนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ที่ 5 ธันวาคม 2563 (24 เดือนรอบิอุลอาเคร ปี ฮิจเราะหฺศักราช 1422)
บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นศูนย์เรียนรู้อัลกุรอานให้กับชุมชนโดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งทุกคำ่คืน ส่งเสียงอัลกุรอานเจี้ยวจ้าว ตามภาษาเด็กๆและหวังว่าจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปจากรุ่นสู่รุ่น
اللهم اغفرله وارحمه وارفع درجته في عليين ونور قبره بنور القرآن يارب العالمين
หมายเหตุปัจจุบันมันถูกพัฒนาสู่ศูนย์อัลกุรอานและภาษา Qlcc ซึ่งนอกจากเด็กๆในชุมชนแล้วยังมีผู้เรียนจากหลายจังหวัดไม่ว่าจะมาจากห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ พัทลุง นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต กรุงเทพมหานครและนนทบุรี โปรดดูเพิ่มเติมใน
1.
2.Page:Qlcc
https://www.facebook.com/1575251266043591/posts/2929772953924742/?d=n
1,246 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.