เมษายน 25, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ตอบข้อเรียกร้อง ต่อจุฬาราชมนตรี กรณีไม่เอามัสยิด (ตอนที่2 ข้อที่2) “ดูเหมือนว่ามัสยิดจะกลายเป็นตัวประกันไปเสียแล้ว”

แชร์เลย

โดย…สมเดช มัสเเหละ..

จากการที่เกาะติดเรื่องนี้ ดูเหมือนว่ามัสยิดจะกลายเป็นตัวประกันไปเสียแล้ว แต่มุสลิมเองก็ต้องมีความชัดเจน ในเรื่องที่คลุมเครือบางเรื่องด้วยเช่นกัน เช่น คลิปที่บรรดานักวิชาการมุสลิมพูด หลายคลิปมันก็ส่อไปในทางให้ความเชื่อที่ต่างกันเกิดการหวาดระแวงได้ เวลาจะพูดอะไร ต้องคิดเสมอว่า พี่น้องต่างความเชื่อที่มีใจเป็นธรรมมีเป็นจำนวนมาก ต้องรักษาน้ำใจกันบ้าง

มุสลิมเองก็ต้องมีความพอดี เพราะประเทศไทยถือว่า ให้อิสระกับทุกความเชื่อได้ดีกว่าประเทศอื่น บางเรื่องในทางศาสนาเราก็ไม่ต้องเรียกร้องมากนัก เอาแค่พอเหมาะพอควร สิทธิที่มุสลิมมีก็ถือว่าดีกว่าอีกหลายๆประเทศ ตั้งแต่อดีตมาแล้ว

แค่ไปสถานที่่ต่างๆ ก็มีที่ละหมาด การประกอบศาสนกิจ เพื่อนๆต่างความเชื่อก็ให้เกียรติเรา ประมาณนี้ก็สามารถทำให้วิถีมุสลิมสามารถอยู่ด้วยความสะดวกมากเลยทีเดียว

มาที่ข้อเรียกร้องข้อที่ 2. ของเลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ มีดังนี้ 2. ขอให้ช่วยเจรจากับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงจากชาอุฯ และมาเลเชีย ที่คอยชักใยกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ให้หยุดการกระทำด้วย

ทุกท่านน่าจะจำได้ว่าในช่วงแรก ที่ท่านจุฬาราชมนตรี ท่านนี้มารับตำแหน่งใหม่ๆ สื่อมวลชนต่างก็คาดหวังว่า เหตุการณ์ภาคใต้น่าจะเบาบางลง เพราะจุฬาราชมนตรีท่านนี้เป็นคนภาคใต้ และจบการศึกษามาจากปอเนาะ

เหมือนหนึ่งว่า ผู้ที่ก่อเหตุต้องการให้จุฬาราชมนตรีเป็นคนใต้ และคิดว่าเมื่อคิดว่าผู้ก่อเหตุมาจากปอเนาะ หากจุฬาราชมนตรี จบจากปอเนาะน่าจะทำให้ทุกอย่างจบลง…???

จากการคิดไปเองตรงนี้น่าจะมีคำตอบแล้วว่า ทั้งจุฬาราชมนตรีคนใต้ และจบจากปอเนาะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์รุนแรงเลย มันคนละเรื่องกัน

การขอให้ช่วยเจรจากับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงจากชาอุฯ อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่า ทางกลุ่มนี้มีข้อมูลอะไรว่า กลุ่มหัวรุนแรงมาจากซาอุฯ แต่ถ้าเป็นผู้ที่จบการศึกษาศาสนามาจากซาอุฯ อันนี้ ก็พอจะมองออก ว่าเราต้องยอมรับว่ามันมีข้อเท็จจริงอยู่ ในกรณีการพูด หรืออภิปรายเรื่องศาสนาตรงเกินไปจนไปกระทบกับผู้ที่เชื่อต่างกัน หลายครั้งเวลามีเทศกาลสำคัญๆของเพื่อนๆต่างความเชื่อ มุสลิมบางกลุ่ม พยายามจะบอกว่า ไม่ใช่ประเพณีของมุสลิม บางคนก็ล้ำเส้น ถึงกับวิจารณ์ว่าประเพณีของเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งตรงนี้ยอมรับว่ามีจริง หลายครั้งเราฟังเองก็สะดุ้ง และหลายๆครั้งเราก็ออกมาปรามกันเอง ตรงนี้ ท่านก็ต้องไปดูในส่วนที่มีมุสลิมก็ไม่เห็นด้วยกับการวิจารณ์ดังกล่าว

ช่วงหลังมุสลิมมีสื่อของตัวเองเยอะ มีการรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียว มุสลิมเองลืมคิดไปว่า สื่อมันเป็นสาธารณะ การจะพูด จะแสดงความเห็น ต้องคิดให้หนักว่าจะไปกระทบกระเทือนใครไหม โดยเฉพาะความเชื่อที่ต่างกัน

บางคนเวลาพูดในรายการ คือเครื่องร้อน อีหม่านแรง การพูดมักจะ แรงตามไปด้วย จนหลายครั้งเราจะได้ยินคำว่า “กลัวอัลลอฮ์ก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว” การใช้ประโยคแบบนี้มันเสี่ยงให้คิดว่ามุสลิมกำลังปลุกระดม เมื่อมีผู้นำมารวมกับคำว่า “ญิฮาด” มันก็ไปกันใหญ่

ถ้าท่านทำใจให้เป็นกลางเปิดโทรทัศน์ชม หรือฟังรายการวิทยุ หลายครั้งเราก็สะดุ้งไม่แพ้กัน ความเกรงใจแบบในอดีตมันขาดหายไป การเคารพความเชื่อที่ต่างกันหายไป

ไม่เฉพาะคนละศาสนาเท่านั้น แม้แต่คนในศาสนาเดียวกัน พวกเราก็จะเอาให้ตายไปข้างหนึ่งให้ได้ ถึงกับมีการแจก “นรก-สวรรค์”ให้กันกลางอากาศ ซึ่งนี่คือข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้น….

เพื่อนๆต่างความเชื่อ นั่งดูรายการ/ฟัง รายการโทรทัศน์-วิทยุของมุสลิม ดูแล้วมันรุนแรง วิทยากรบางท่าน นั่งพูดไม่ได้ ดุเดือดจนต้องยืนพูด และใช้วาจาที่ดุดัน มันเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น เราพูดเรื่องสันติภาพ จึงไม่มีใคร “เชื่อ”

ส่วนขอให้ช่วยเจรจากับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงจากมาเลเชีย ที่คอยชักใยกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ให้หยุดการกระทำด้วยนั้น เรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าบารมีท่านจุฬาราชมนตรี จะมีไปถึงไหม และกลุ่มคนที่ว่าจะยอมเชื่อหรือไม่

ประเทศที่มีชายแดนติดกัน เมื่อเกิดมีการกระทำผิด มันก็หนีข้ามกันไปมา ขอให้ดูตัวอย่างชายแดนพม่า ลาว เขมร ในอดีตที่สามจังหวัดยังไม่มีเหตุการณ์รายวัน มันก็มีให้เห็นบ่อย เช่น ในยุคที่มีการเคลื่อนไหว ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือการข้ามไปมาของขบวนการค้ายาเสพติด ตามแนวชายแดน ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันเกี่ยวกับความมั่นคงไม่น้อยไปกว่ากัน และน่าจะมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะเหตุการณ์สามจังหวัด เกิดในสามจังหวัด แต่ยาเสพติด มันทำลายทั่วประเทศ….

จริงๆการเรียกร้องไปที่ท่านจุฬาราชมนตรี ถือผมผิดช่องทาง ท่านน่าจะเรียกร้องไปที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โซนสามจังหวัดชายแดนใต้น่าจะถูกช่องทาง เชื่อว่า ส.ส.เหล่านั้นน่าจะรู้เรื่องในพื้นที่ดีกว่า และอาสาเข้ามาเพื่อเรื่องนี้โดยตรง

เหมือนการแก้ปัญหาชายแดนใต้ ในอดีตที่มุ่งไปที่บรรดาโต๊ะครู/ บาบอปอเนาะ เสมือนหนึ่งว่าท่านเหล่านี้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ โต๊ะครู/บาบอ ท่านเหล่านั้นสอนหนังสือ จะให้ท่านปรามผู้ก่อการร้าย น่าจะใช้คนผิดแล้วละครับ

เรื่องมีผู้ที่คอยชักใยกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้มาวันนี้ใครคือคนชักใย แล้วพวกหัวรุนแรงใน 3-4 จังหวัดท่านมั่นใจเต็มร้อยไหมว่ามีเฉพาะมุสลิมเท่านั้น

เหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ก็เหมือนกับที่อื่นๆในโลก ที่เป็นผลกระทบมาจากนักล่าอาณานิคม ที่วางกับดักทางเขตแดนเอาไว้

ทิ้งแคชเมียร์ ซึ่งมีมุสลิมส่วนมากไว้กับอินเดีย หรือเอาโรฮิงยา มาไว้ที่พม่า หรือแม้แต่ปลายด้ามขวาไทย …ดีนะครับที่เสียมเรียบ ศรีโสภณ พะตะบอง ส่วนมากเป็นความเชื่อเดี่ยวกัน มิฉะนั้นก็จะมีเหตุการณ์ไม่ต่างจากปลายด้ามขวานของไทยเช่นกัน

ก่อนจะให้ท่านจุฬาราชมนตรี ไปปราบพวกหัวรุนแรง ผมแนะนำให้หาซื้อหนังสือ “ดับฝันมายาวี” มาอ่านก่อนดีกว่า มีขายแล้วทีร้านซีเอ็ดบุ๊ค เพื่อว่าผู้เรียกร้องจะเปลี่ยนใจ ไปยื่นหนังสือใหม่ หรือจะได้เปลี่ยนความคิด ในการ “จับมัสยิดเป็นตัวประกันเสียที”

หมายเหตุ…โปรดแสดงความคิดเห็นโดยสุภาพ ความเห็นที่หยาบคาย ไม่สุภาพ ผู้แสดงความเห็นต้องรับผิดชอบเอง

 1,607 total views,  2 views today

You may have missed