(2 กันยายน 2561) เวลา 18.00 น. ที่โรงแรมซีเอส จังหวัดปัตตานี นายไกศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และผู้สื่อข่าวจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมพบปะ รับประทานอาหารกับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซีย เพื่อหารือช่องทางการทำข้อตกลงการท่องเที่ยวระหว่างประเทศมาเลเซียกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ได้เที่ยวชมงานเตอรีมากรือเซะ ครั้งที่ 1 ในเดือน สิงหาคม และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2-3 กันยายน 2561
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขธิการ ศอ.บต. กล่าวกับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวประเทศ มาเลเซีย และอินโดนีเซียว่า ในนามของศอ.บต. ที่ดูแล 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งใจอยากพบผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญที่จะช่วยกันพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ดีในอดีตทุกคนเคยได้รับฟังประวัติศาสตร์ของจังหวัดปัตตานี พื้นที่ที่เคยเป็นเมืองท่า เป็นจุดแลนมาร์กของการจอดเรือ เป็นดินแดนที่มีความรุ่นเรืองแห่งลังกาสุกะ รวม 3 แหล่งอารยะธรรม คือ พราหมณ์ พุทธ และมลายู นำมาซึ่งประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งเมืองแห่งนี้ จนมีชื่อเรียนว่า ระเบียงแห่งเมกกะ และโดยปัจจุบันเมืองปัตตานีถือว่า เป็นเมืองแปรรูปเกษตรกรรม เนื่องจากมีพื้นที่อำเภอติดกับชายฝั่งทะเล 7 อำเภอและเชื่อมต่ออีก 3 อำเภอใกล้เคียง เป็น 10 อำเภอ พร้อมมีประชาชนที่มีบ้านเรือนใกล้ทะเลกว่า 2 แสนคน
อีกทั้งเป็นเมืองที่เชื่อมโยงกับจังหวัดสงขลา และนราธิวาส เป็นเมืองที่มีการแปรรูอุตสาหกรรมประมงที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ทั้งนี้ในปัจจุบันเมืองปัตตานีเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และมีศักยภาพ ประกอบกับมีชุมชนเข้มแข็งที่ทำเป็นชุมชนท่องเที่ยว 22 ชุมชน จึงสามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่ฮาลาลทัวร์ลิซึมทริป และในอนาคตต้องอาศัยศักยภาพของพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงกับศักยภาพของภูมิภาค 3 จังหวัดชายแดน คือเกตเวย์ที่จะเชื่อมประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย นอกจากนั้นยังมีวินโดวส์เวย์ ที่จะเปิดอาเซียนไปสู่ดินแดนต่างๆ จึงมีแนวคิดว่า ทั้ง 3 ประเทศ คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีศักยภาพที่จะเชื่อมโยงและเป็นหุ้นส่วนซึ่งกันและกัน โดยเริ่มต้นจากผู้ประกอบการ ภาคเอกชนและประชาชน เพื่อเดินไปสู่การพัฒนาการค้าการท่องเที่ยวในภูมิภาคแห่งนี้
นางอัยดา อูเจ๊ะ นายกสมาคมการค้าการท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน เผยว่า สมาคมการค้าการท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน ร่วมกับ ศอ.บต. เตีรยมผลักดันการท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีกว่าเดิม อาทิ การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวแหล่งประวัติศาสตร์และอารยธรรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชิมอาหาร และเลือกซื้อของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ที่เป็นแหลมมลายู ซึ่งผู้ประกอบการมักนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมมัสยิดกรือเซะ อุโมงค์ป่าโกงกาง จังหวัดปัตตานีและมัสยิด 300 ปี ที่ตำบลตะโละมาเนาะ จังหวัดนราธิวาส เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวประทับใจและมีการวางโปรแกรมทัวร์เลือกซื้อของฝากที่อำเภอเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งทั้งหมดนี้มีการลงโปรแกรมทัวร์ 4 วัน 3 คืน เที่ยวนราธิวาส ปัตตานี และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ประเทศมาเลเซียด้วย
อย่างไรก็ดีที่ประชุมจะมีการหารืออย่างเป็นทางเกี่ยวกับข้อตกลงการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอีกครั้งในโอกาสพบปะครั้งต่อไป เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามนโยบายของรัฐบาล
โดย…บรรณาธิการข่าว
759 total views, 4 views today
More Stories
การยางยะลาเพิ่มทักษะการกรีดยางอย่างถูกวิธี ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ในการแข่งขันกรีดยางชิงแชมป์อำเภอเบตง
I SEE THE FUTURE อบจ.ปัตตานี มอบแว่นสายตาแด่น้อง แก้ปัญหาด้านสายตา สู่การพัฒนาด้านการศึกษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
HARD เชื่อมสัมพันธ์ ไทย – มาเลย์ ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ร่วมจัดการแผนความร่วมมือด้านการศึกษา