เสรีอิสกันดาร์, เปรัก, มาเลเซีย – ความสัมพันธ์ระดับภูมิภาคระหว่างมาเลเซียและไทยได้ก้าวสู่มิติใหม่อีกด้านแห่งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ หลังจากการประชุมสำคัญเมื่อวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม D Hotel Seri Iskandar รัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย


การประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นการรวมพลังกันของสามองค์กรหลัก ได้แก่ สมาคมพัฒนาชุมชนอำเภอเปรักกลาง, สถาบันการเกษตรและผู้ประกอบการ (IGROW) ของมาเลเซีย และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ของไทย ซึ่งนำเอกชนและสื่อมวลชนไปด้วยเพื่อวางรากฐานสำหรับแผนงานการพัฒนาเศรษฐกิจข้ามพรมแดนที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
มุ่งเป้าหมายเศรษฐกิจฐานรากและเปิดตลาด MSMEs
การประชุมเชิงยุทธศาสตร์นี้มีจุดเน้นที่ชัดเจนในการ ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ เสริมสร้างศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) รวมถึงชุมชนท้องถิ่น การผนึกกำลังระหว่าง IGROW ซึ่งเป็นสถาบันเอกชนที่เน้นทักษะด้านการเกษตรและผู้ประกอบการ และ ศอ.บต. ซึ่งดูแลการพัฒนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย แสดงให้เห็นถึงการมุ่งเน้นที่ ธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) และการขยายตลาดเป็นพิเศษ ประเด็นที่เป็นรูปธรรมคือการอำนวยความสะดวกด้านตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ SME ของรัฐเปรักซึ่งเป็นรัฐภาคเหนือของมาเลเซียกับภาคใต้ของไทย ซึ่งจะเป็นการเปิด เส้นทางการส่งออกใหม่ และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กของมาเลเซียเข้าสู่ตลาดไทยและไทยเข้ามาเลเซีย ภายใต้แนวคิดของ “โมเดล IGROW ในภาคใต้ของไทย เปิดตลาดผลิตภัณฑ์ IKS (SME)”
รากฐานความร่วมมือที่ก่อร่างสร้างมาตั้งแต่ปี 2560

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นผลจากการประสานงานที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 โดยมีการเชื่อมโยงครั้งแรกระหว่าง ศอ.บต. และ IGROW ผ่านสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสันติภาพภาคใต้ของไทย นำโดย คุณระพี มามะ และ ตูแวดานียาล มารีงิง
อันเป็นกรอบการทำงานที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งอย่างเป็นระบบตลอดหลายปีที่ผ่านมาผ่านการมีส่วนร่วมระดับสูง เช่น
- การหารือติดตามผลกับเลขาธิการ ศอ.บต.
- การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างคณะผู้แทนไทยไปยังรัฐเปรัก และผู้แทน IGROW ไปยังประเทศไทย
- การประชุมกับรัฐบาลรัฐเปรักเพื่อรับรองการสนับสนุนอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการความร่วมมือข้ามพรมแดน
การประชุมปี 2568 นี้คาดว่าจะนำไปสู่การจัดทำ แผนงานที่เป็นรูปธรรมและบันทึกความเข้าใจ (MoUs) เพื่อนำวิสัยทัศน์ความร่วมมือที่สั่งสมมาอย่างยาวนานไปสู่การปฏิบัติจริง
ศักยภาพความร่วมมือครอบคลุม 7 ประเด็นหลัก

ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมหารือภายใต้เจตนารมณ์ของ อาเซียน (ASEAN spirit) และระบุถึงศักยภาพความร่วมมือที่กว้างขวางใน 7 ประเด็นสำคัญ เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกและนำมาซึ่งความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่ชายแดนมาเลเซีย-ไทย ได้แก่
- การศึกษา: การพัฒนาศูนย์ TVET (อาชีวศึกษาและฝึกอบรมเทคนิค) ข้ามพรมแดน และโครงการแลกเปลี่ยน
- เกษตรกรรม: การริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมเกษตรกร และการจัดตั้งเครือข่ายอุปทานและการกระจายอาหารข้ามพรมแดน
- การท่องเที่ยว: การพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรเชิงนิเวศ และการส่งเสริมเส้นทางมรดกไทย-มาเลเซีย
- การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร (Media/Information Exchange)
- การค้าทวิภาคี (Bilateral Trade): การสร้าง ศูนย์กลางโลจิสติกส์ฮาลาล และการจัดงานแสดงสินค้าข้ามพรมแดน
- การขจัดความยากจน (Eradicate Poverty): การสร้างศูนย์ทักษะและ TVET ชนบทข้ามพรมแดน และโครงการบูรณาการความมั่นคงทางอาหาร
- ทุเรียนอาเซียน (ASEAN Durian): การจัดตั้ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาทุเรียนอาเซียน และการเร่งรัดการรับรองฮาลาลทุเรียนข้ามพรมแดน
ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์นี้ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของ การบูรณาการระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของทั้งรัฐเปรักและจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในระยะยาว
3,745 total views, 2 views today

More Stories
หนึ่งปีรัฐบาลซีเรียใหม่ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอะห์มัด อัล-ชัรอ์ ภายใต้ความท้าทาย
เลขาธิการ ศอ.บต. เผย การสร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่น นำผลไม้ล้นตลาด เข้าโรงเรือนสุราชุมชน เพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร จชต. ส่งขายนอกพื้นที่
นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เปลี่ยนโปรแกรมเที่ยว อ.เบตง แทน หลังไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ จากสถานการณ์น้ำท่วมหนัก พร้อมร่วม บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง