มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก (ประเทศไทย) ถอดบทเรียน โครงการรับมือและฟื้นฟูผลกระทบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ณ ห้องประชุมเพนดูลา โรงแรมปาร์คอินทาวน์ จังหวัดปัตตานี โดยมีตัวแทนผู้นำชุมชน องค์กรพันธมิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่าสามร้อยคน เมื่อเร็วๆ นี้
ภายในงานมีจัดกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ของ 6 ชุมชนต้นแบบ การนำเสนองานวิจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากโควิด-19 ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การนำเสนอตัวอย่างธุรกิจขนาดเล็กของเยาวชนแรงงานคืนถิ่นจากประเทศมาเลเซีย และการฉายภาพยนตร์รณรงค์สร้างความเข้าใจการอยู่ร่วมกันในช่วงการระบาดของโควิด-19
กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการถอดบทเรียน นำเสนอผลงานและความสำเร็จของโครงการรับมือและฟื้นฟูผลกระทบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสามจังหวัดชายแดนใต้ หรือ EU COVID-19 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 โดยมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก (ประเทศไทย) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสมาคมศิษย์เก่าบัณฑิตอาสาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (EU) เพื่อส่งเสริมองค์กรภาคประชาสังคมให้มีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย)
ในปัจจุบัน โครงการได้ดำเนินการสำเร็จอย่างน่าพอใจ ผลของการดำเนินโครงการได้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการฝึกอบรมทักษะชีวิตและทักษะอาชีพให้แก่กลุ่มเยาวชนแรงงานคืนถิ่นในพื้นที่กว่า 250 คน ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลือฉุกเฉินกว่า 720 ครัวเรือน ประชากรกว่า 10,000 คน ได้รับความรู้จากการผลิตสื่อและการรณรงค์ด้านการป้องกันและการลดการติดเชื้อโควิด-19 โดยกลุ่มเด็กและเยาวชน และผลจากการวิจัยหัวข้อผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมจากเชื้อโควิด-19 ได้นำไปสู่การผลักดันเชิงนโยบายในการรับมือและการลดผลกระทบจากโรคโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
“โครงการนี้นอกจากจะฝึกอบรมทักษะอาชีพให้เราแล้ว ยังส่งเสริมการฝึกทักษะชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต และยังสร้างโอกาสให้เราทำตามความฝันในการทำธุรกิจ เพื่อพัฒนาชีวิตเราและครอบครัวของเรา”
ฮาซียะ หะยีเจ๊ะมุ เยาวชนที่ได้รับทุน SED Fund ภายใต้โครงการ EU COVID-19 กล่าว
ฮาสือนะ แรงงานต้มยำกุ้งที่ไปทำงานในมาเลเซียกว่า 10 ปี มีรายได้ส่งกลับมาใหเแม่และลูกสาวของเธอ จนปี 2020 ที่โควิดระบาดหนัก มาเลเซียประกาศปิดประเทศ ร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่ก็ต้องปิดตัว เธอและลูกสาวสองคนที่ไปทำงานด้วยรีบกลับมายังบ้านเกิดเพื่อรอดูสถานการณ์ จนฮาสือนะเปิดร้านขายอาหารเช้าและขนมในช่วงกลางวัน แต่รายได้ไม่เพียงพอกับสมาชิกในบ้านที่มีถึง 7 คน พร้อมกับถูกประกาศปิดหมู่บ้านเพราะเป็นพื้นที่เสี่ยง
เธอพยายามหางานทำเพิ่ม จนได้งานที่ร้านขายของชำ เมื่อทีมงานบัณฑิตอาสาลงพื้นที่หาข้อมูลได้คัดเลือกให้เธอได้รับเครื่องอุปโภคบริโภคจากทางโครงการฯ เธอขอบคุณโครงการฯ และหวังจะกลับไปทำงานในมาเลเซียเพื่อเป็นรายได้หลักของครอบครัว
“การมีอาชีพเป็นของตนเองคือ การเสริมพลังภายในที่ทำให้รู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี ในความเป็นมนุษย์ที่เสมอภาคกัน” ตัวแทนเยาวชนจาก N-WAVE เยาวชนสร้างอาชีพเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ บอกกล่าว
ส่วน ซุลกิฟลี เจ๊ะดาแม็ง จากสาขาตัดผม บอกว่า อยากสอนให้คนในชุมชนตัดผมได้แล้วขยายสาขาไปที่ยะลาและนราธิวาสด้วย
36,994 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ ออกแถลงการณ์ขอบคุณ คณะกรรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้ “กัญชา-กัญชง” เป็นยาเสพติดแล้ว