ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและผู้อ่านทุกท่าน
8 กรกฎาคม 2565 ณ มัสยิดหน้ากุโบห์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เวลา 13.0 น.องค์กรมุสลิม ในนาม “องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดกับหลักศีลธรรม” 25 องค์กร เรียกร้องรัฐบาลให้นำกัญชาเข้าเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามเดิม โดยให้ใช้สำหรับกัญชาทางการแพทย์เท่านั้น ”พร้อมชี้แจงและข้อเสนอแนะต่อตนเองและอื่นๆจำนวน 6 ข้อ
โดยมีแถลงการณ์ว่า
“องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดกับหลักศีลธรรม”
เรื่อง ชี้แจงผลกระทบและคัดค้านกฎหมายกัญชาเสรี
สืบเนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ประกาศยกเว้นกัญชาจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยการไม่ระบุว่า พืชกัญชา รวมถึงส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ช่อดอก เป็นสารเสพติดให้โทษ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย รวมถึงเด็กและเยาวชนอันเป็นอนาคตของชาติสามารถเข้าถึงกัญชา และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จากการบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงการนำกัญชาซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดมาใช้เพื่อประกอบอาหารและนันทนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเห็นทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า “กัญชา” เป็นพืชที่มีสารแคนาบินอยด์หลายชนิดโดยเฉพาะสาร THC ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ควรใช้เพื่อการสันทนาการ เพราะอาจทำให้เกิดโทษรุนแรงได้ ผู้ใช้กัญชาด้วยวิธีการใดๆ มีโอกาสได้รับสารแคนนาบินอยด์ในกัญชาที่มีผลกระทบที่รุนแรง โดยเฉพาะต่อหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็ก และเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะมีผลต่อการพัฒนาการของสมองทั้งในแม่และเด็ก และอาจส่งผลต่อสมองของเด็กและวัยรุ่น เช่น พัฒนาการล่าช้า ปัญหาพฤติกรรม เชาวน์ปัญญาลดลง และส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เช่น มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท เสี่ยงต่อการติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงผู้ขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร ในระยะ 6 ชั่วโมงหลังใช้กัญชา จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้สูงเช่นเดียวกับสุรา และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคจิตประสาท โรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด เพราะอาจมีผลต่อยาและการรักษาที่ได้รับอยู่
ดังนั้น “องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดกับหลักศีลธรรม”จึงมีแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้
1. พืชกัญชามีทั้งประโยชน์และโทษมหันต์ องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดกับหลักศีลธรรม จึงไม่คัดค้านการนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์
2. ขอสนับสนุนการนำทุนทางทรัพยากรมาใช้ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและอนาคตของชาติ
3. ขอคัดค้านกฎหมายกัญชาเสรี และการยกเว้นกัญชาจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเล็งเห็นผลกระทบที่อาจสร้างความเสียหายต่อสังคม ทั้งในด้านความสงบสุขของสถาบันครอบครัวและสังคม ตลอดจนด้านศีลธรรมจรรยา ที่มีมากกว่าผลประโยชน์ที่คาดหวังว่าจะได้รับจากการเปิดเสรี ดังนั้นจึงขอ “เรียกร้องรัฐบาลให้นำกัญชาเข้าเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามเดิม โดยให้ใช้สำหรับกัญชาทางการแพทย์เท่านั้น”
4. ขอเรียกร้องให้องค์กรทางสุขภาพ องค์กรพัฒนาสังคม องค์กรเกี่ยวกับเด็ก เยาวชนและครอบครัว ตลอดจนมัสยิดและองค์กรศาสนาอิสลาม สมาคมอิสลาม สถาบันการศึกษาอิสลาม ทั้งสถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สถาบันอุดมศึกษาอิสลาม ร่วมมือกันรณรงค์ให้ความรู้ความตระหนักให้แก่นักเรียน นักศึกษา สถาบันครอบครัวและสังคมทั่วไป เพื่อให้งดเว้นการสนับสนุนและการใช้กัญชาทุกรูปแบบ ยกเว้นการใช้ทางการแพทย์ ตามคำวินิจฉัย(ฟัตวา) ที่ 1/2563 ของจุฬาราชมนตรี ที่ระบุว่าการใช้กัญชง กัญชาเพื่อสันทนาการและความสราญใจ เช่น การกิน การดื่ม สูบ เคี้ยว ดม หรือวิธีใดก็ตาม ถือเป็นฮารอม (สิ่งต้องห้าม) ฐานเดียวกับการดื่มสุรา ยกเว้นการนำมาใช้ในทางการแพทย์หากมีความจำเป็น รวมถึงออกมาชี้แจงผลเสียหรือผลกระทบของกฎหมายกัญชาเสรี ตลอดจนเสนอแนะแนวทางในการป้องกันแก้ไข
5. เรียกร้อง ให้พรรคการเมือง และนักการเมิอง คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนและเยาวชนอนาคตของชาติมากกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้จากพืชกัญชา
6. ขอให้ทุกองค์กรทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสถานศึกษาและศาสนสถานประกาศเขตปลอดกัญชา ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี
.8 กรกฎาคม2565
องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดกับหลักศีลธรรม
ในขณะที่ผู้เขียนให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสว่า “
#องค์กรภาคประชาชนตั้งแต่เด็ก นักเรียน เยาวชนและสถานศึกษา องค์กรมุสลิมภาคใต้ ประกาศ ต่อรัฐบาล รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้เข้าใจตรงกันว่า เราคัดค้านกัญชาเสรีมิได้คัดค้านกัญชาทางการแพทย์ซึ่งตามที่เป็นข่าว มีผลยืนยันทางการแพทย์ว่ากัญชามีผลทำลายสมองเด็ก เยาวชน หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตรหรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่จึงขอเชิญชวนและเรียกร้องดังนี้ 1.ขอให้ทุกโรงเรียน มัสยิด ศาสนสถาน ชุมชน และองค์กรประกาศเป็นเขตปลอดกัญชา
2.เรียกร้องรัฐบาลให้นำกัญชาเข้าเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามเดิม โดยให้ใช้สำหรับกัญชาทางการแพทย์เท่านั้น
( เมื่อนำออกมาหรือปลดล็อกกัญชาได้ ก็ไม่ยากที่จะนำเข้าไปใหม่)สำหรับการให้ผู้คนพูดเพียงด้านบวกของกัญชา แต่ไม่ยอมให้พูดด้านลบของการใช้กัญชาหรือในทางกลับกันให้พูดแต่ด้านบวกโดยแทบไม่ได้พูดด้านข้อควรระวังเลย จะยิ่งทำให้ประชาชนไม่ทันตระหนักรู้อย่างเพียงพอถึงผลเสียจากการใช้กัญชาอย่างไม่เหมาะสม ?ก่อนที่กัญชาจะไม่เป็นยาเสพติดในวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดผู้ป่วยทีต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากการใช้กัญชาอย่างที่เป็นข่าวที่เราได้ยินได้ได้ชม? มีข่าวเรื่องกัญชาในสถานศึกษาบางแห่ง เหล่านี้คือข้อกังวลที่ได้สะท้อนเพื่อรัฐจะได้ช่วยแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะเด็กเยาวชนอันเป็นอนาคตของชาติ(ฟัง/ชมย้อนหลังใน https://www.facebook.com/zinstudio3233/videos/1255718611865766/)
65,516 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ ออกแถลงการณ์ขอบคุณ คณะกรรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้ “กัญชา-กัญชง” เป็นยาเสพติดแล้ว