แปลงงบความมั่นคงชายแดนใต้สู่งบสาธารณสุข

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
1 มิถุนายน 2564 ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างตัวแทนภาคประชาชน นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ สื่อ นักการเมืองและอื่นๆที่ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาปัญหาโควิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมสะท้อนเพื่อหาทางออกร่วมกัน ทางคลับเฮาส์ (

https://www.clubhouse.com/event/xqj7nN19) พบว่า วิกฤตครั้งนี้ ยิ่งทำให้ปัญหาทับซ้อนปัญหาวิกฤตชายแดนใต้หรือไฟใต้ตลอดกว่า 17 ปีที่ผ่านมาขึ้นไปอีกไม่ว่าการเมือง สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข สิทธิมนุษยชน และอื่นๆ อย่างไรก็แล้วแต่ด้วยทุนทางสังคมและชุมชนหลายพื้นที่ สามารถช่วยแก้ปัญหาด้วยตนเองเบื้องต้นได้ แต่ปัญหารัฐที่รวมศูนย์ภายใต้กฎหมายพิเศษชายแดนภาคใต้ที่หน่วยความมั่นคงเป็นใหญ่ ไม่ได้เอื้อต่อชุมชนที่ลุกขึ้นมาจัดการตนเองสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน ดั่งที่ นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียติ จากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (เป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้อย่างยาวนาน)และเป็นผู้ดำเนินรายการครั้งนี้ได้สรุปไว้ตอนหนึ่งว่า “#เมื่อรัฐล้มเหลว พบว่าชุมชนเข็มแข็ง มีใจทำหน้าที่ของตนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเป็นกำลังใจให้ทุกคนในภาวะวิกฤติ เศรษฐกิจ การสาธารณสุข การสื่อสาร และทางการเมือง”
(อ่านข้อเสนอแนะฉบับเต็มใน https://www.facebook.com/103046721697226/posts/206155348053029/?d=n)
สิ่งที่น่าสนใจในข้อเสนอแนะในเวทีนี้คือ แปลงงบความมั่นคงชายแดนใต้สู่งบสาธารณสุข ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์หลายองค์กรเช่น
28 มิถุนายน 2564 สมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์และสาธารณสุข,มูลนิธิเพื่อการแพทย์และสาธารณกุศล สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ เสนอให้

“รัฐต้องตัดงบประมาณของประเทศที่ไม่จำเป็น ผันงบมาช่วยดูแลระบบสาธารณสุขทั้งประเทศที่ใกล้จะล่ม เนื่องจาการระบาดอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนามเปิดไม่ทันกับจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้นมากในแต่ละวัน เตียงไอซียูเต็ม ผู้ป่วยโควิดไปเบียดเตียงของคนไข้โรคอื่น ประชาชนต้องพึ่งตัวเองไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข จนทำให้โรคกำเริบและหลายรายต้องเสียชีวิตอยู่ที่บ้าน เพราะโรงพยาบาลไม่มีเตียงรับ”
สอดคล้องกับแถลงการณ์ของเครือข่ายองค์กรสิทธิ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ “ประกอบด้วยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF)
กลุ่มด้วยใจ (Duayjai Group)
เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (HAP)
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) “อีกทั้งยังเสนอ
ขอให้ทุกฝ่ายยุติปฏิบัติการทางทหาร
(อ่านฉบับเต็มใน https://www.facebook.com/398415390205753/posts/4091515807562341/?d=n)