อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ต้องยอมรับหลังจากโรงเรียนศาสนบำรุง หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาอาสาเปิดเป็นโรงพยาบาลสนามที่จะนะ จนได้รับการชื่นชมของคนชายแดนใต้ (อ่านเพิ่มเติมใน
http://spmcnews.com/?p=41677)ด้วยความเด็ดเดี่ยวของบาบอฮุสณี บินหะยีคอเนาะและมามา ซาเร๊าะ ล่าเต๊ะ ภรรยาผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยให้กำลังใจตลอด ซึ่งความเป็นจริงแล้วมามาซาเร๊าะ ก็คือลูกสาวคนคนสุดท้องของบาบอหะยีและห์ อันเป็นหนึ่งในอุลามาอ์ใหญ่ (ผู้รู้ศาสนา)ของอำเภอจะนะซึ่งก็คือ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนนี้นั้นเอง
สำหรับบาบอหะยีและห์ หรือชื่อที่อ่านอย่างถูกต้องในภาษาอาหรับคือ “บาบอฮัจญีมูฮัมหมัดซอและห์ บินฮัจญีอาหวัง”
-ประวัติส่วนตัว
ท่านมีชื่อตามทะเบียนราษฎร์ (นายหะยีสาแล๊ะ ล่าเต๊ะ) ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศาสนบำรุง(สอลิหุดดีน) เกิดเมื่อ พ.ศ. 2454 ท่านสมรสกับนางหะยีสาปียะห์ ล่าเต๊ะ และมีบุตรด้วยกัน 7 คน คือนางอาอีซ๊ะ เตะหมัดหมะ นางมารียำ ยูนุ นายหวันดาโอะ ล่าเต๊ะ นายอับดุลหาลีม ล่าเต๊ะ นางเฟาซีย๊ะ บัตรหมะ นางฝารีด๊ะ มามะ และนางซะเร๊าะ บินหะยีคอเนาะ. ท่านกลับไปหาอัลเลาะห์ (เสียชีวิต) เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2545 รวมอายุ 91 ปี
-บทบาทด้านวิชาการและสังคม
ท่านเริ่มต้นเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา ตั้งแต่ป.1-ป.4 เมื่อเรียนจบ ประถมปีที่4 ท่านตัดสินใจเลือกที่จะเรียนสายศาสนาโดยได้รับการสนับสนุนจากคนในครอบครัวโดยเริ่มเรียนที่ปอเนาะบาบออาเย๊าะนอร์ บ้านสุเหร่า จนท่านสามารถสอนแทนโต๊ะครูได้ ต่อมาท่านก็ได้ไปศึกษาต่อที่ Pondok Titi Besi รัฐเคดาห์ พออายุท่านครบ25ปีท่านได้ขออนุญาตบิดามารดาเพื่อไปประกอบพิธีฮัจย์และเพื่อศึกษาต่อที่นครมักกะห์ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสมัยนั้นการเดินทางไปทางทะเลเท่านั้นท่านเคยเล่า(ให้ผู้เขียน)ว่าการเดินทางไปมักกะห์ลำบากมากต้องโดยสารเรือสำเภายนต์ใช้เวลาเดินทางถึงท่าเรือเมืองยิดดะห์เกือบ1เดือนท่านใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนจากบรรดาอุลามาอ์ทั้งจากยานเอเซียและอาหรับ ท่านใช้ชีวิตที่มักกะห์มาไม่ได้สุขสบายต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ เพราะสมัยนั้นประเทศซาอุดีอาราเบียยังไม่พัฒนาเท่าที่ควรอย่างเช่นยังไม่มีไฟฟ้าใช้บางครั้งหรือบางปีไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวที่เมืองไทยได้เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่2ตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวที่เมืองไทยโดยสินเชิงท่านใช้ชีวิตและศึกษาหาความรู้ที่มักกะห์15 ปี จึงได้กลับบ้านเกิดเมื่ออายุท่านย่าง40ปี
เมื่อกลับถึงเมืองไทยท่านก็ได้เปิดปอเนาะที่บ้านสวนต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลาเมื่อปี2493ปัจจุบันคือโรงเรียนศาสนบำรุงเพื่อสอนลูกศิษย์ลูกหาหลายร้อยคนทั้งในประเทศจากประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย
และในปี2513ท่านได้ขออนุญาตตามขั้นตอนและได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนโดยใช้ชื่อโรงเรียนว่า “โรงเรียนศาสนบำรุง (สอลิหุดดีน)”ตามใบอนุญาตเลขที่4/2513
ตลอดระยะเวลาของการเรียนการสอนท่านมีความมุ่งมั่นเพื่อให้บรรดาสานุศิษย์ของท่านเป็นคนดีมีความรู้และเป็นผู้นำรับใช้สังคมและศิษย์ของท่านหลายๆคนที่เป็นผู้นำศาสนาและเปิดสถาบันปอเนาะ
เมื่อถึงวัยชราท่านโอนกิจการโรงเรียนให้ลูกๆได้สานต่อเจตนารมณ์ของท่านต่อไป
นอกจากท่านสอนหนังสือที่ปอเนาะแล้วท่ายังดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาตั้งแต่ปี 2518-2542
ดำรงตำแหน่งอีหม่ามมัสยิดสอลิหุดดีนตั้งแต่ปี 2507-2535
หมายเหตุเนื้อหาส่วนใหญ่ได้รับการอนุเคราะห์จากโรงเรียนศาสนบำรุงและจะได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ จะนะเมืองอุลามาอ์ เร็วๆนี้
8,392 total views, 4 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.