ในสงครามพิชิตคอนสแตนติโนเปิ้ล ตำราประวัติศาสตร์ตะวันตกมักใส่ร้ายป้ายสีชาวเติร์กและชาวมุสลิมว่าเป็นคนเถื่อนที่บุกไปทำลายดินแดนแห่งอารยธรรม
การพูดความจริงไม่ครบถ้วนคือการโกหก ประวัติศาสตร์ตัดทอนตัดตอนคือประวัติศาสตร์บิดเบือน
ทั้งที่ความจริงแล้ว เรื่องนี้มีที่มาที่ไปไม่ใช่เท่าที่เห็นเพียงผิวเผิน
ความเดิมมีอยู่ว่า….
ราชวงศ์เฮราคลิอุส Heraclius หรือฮิร๊อกล์ هرقل ขึ้นมามีอำนาจปกครองอาณาจักรไบเซนไตน์ หรือโรมันตะวันออก ที่มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล ช่วงปี 609 – 711 หลังจากก่อกบฏโค่นราชวงศ์เก่า ซึ่งตรงกับยุคของท่านนบี ศอลฯ และซอฮาบะฮ์
โรมันตะวันออกยุคนี้เป็นมหาอำนาจยึดครองแดนแถบแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง เช่น อียิปต์ และชาม อันประกอบด้วยดินแดนซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ เลบานอน ในปัจจุบัน
การเผยแผ่อิสลามในยุคนี้จึงถูกต่อต้านจากไบเซนไตน์ โดยที่ข้าหลวงไบเซนไตน์ในเมืองมุตะฮ์ จอร์แดน ได้สังหารทูตของท่านนบี ศอลฯ แม้ว่าไบเซนไตน์เอาชนะกองทัพมุสลิมสงครามมุตะฮ์ ในปี ค.ศ.629 ในยุคของท่านนบี ศอลฯ อันเป็นที่มาของการที่ท่านนบี พยากรณ์ล่วงหน้าเกือบราวๆ 700 ปี ว่า มุสลิมจะสามารถพิชิตเมืองหลวงของพวกเขาได้โดยแม่ทัพและกองทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ประวัติศาสตร์การยึดครองของโรมันต่อดินแดนตะวันออกกลางยุคนี้ ถูกตัดขาดจากประวัติศาสตร์การพิชิตคอนสแตนติโนเปิ้ล
จึงเห็นเพียงบริบทความรุนแรงของสงครามที่มุสลิมบุกพิชิตเมืองหลวงของโรมันตะวันออก
ประวัติศาสตร์ข้าหลวงไบเซนไตน์ในจอร์แดนสังหารทูตของท่านรอซูล ศอลฯ เป็นประวัติศาสตร์อัปยศที่ตะวันตกพยายามปกปิด ชาวตะวันตกและนักศึกษาที่อ่านประวัติศาสตร์จากแหล่งที่มาของตะวันตกจึงไม่ทราบข้อมูลนี้ ตลอดจนไม่ยอมรับหรือไม่รับรู้
หลังจากนั้น ในยุคของท่านคอลีฟะฮ์อุมัร ไบเซนไตน์ก็พ่ายแพ้ให้แก่มุสลิมในสงครามยัรมูก ในปี ค.ศ. 636 การพิชิตปาเลสไตน์ ในปี 637 และการพิชิตอียิปต์ ในปี 642
พวกเขาถอยออกจากดินแดนที่ยึดครอง แต่เมืองหลวงยังคงอยู่
คอลีฟะฮ์อิสลามในราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ราชวงศ์อับบาซียะฮ์ ได้พยายามลบรอยแผล ทำให้เจตนารมณ์ของท่านศาสดาในการพิชิตเมืองหลวงแห่งการยึดครองและแอนตี้อิสลาม บรรลุเป็นความจริง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จในยุคสุลต่านมุฮัมมัด ฟาติห์ ในปี ค.ศ.1453
สามารถทำลายศูนย์กลางการยึดครองของโลกตะวันตกต่อตะวันออกลงโดยสิ้นซาก
ส่งผลให้โลกมุสลิมหลุดพ้นจากการครอบงำของตะวันตกมาอย่างยาวนาน
จนกระทั่งมาถึงวันที่อาณาจักรออตโตมันล่มสลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สุลต่านออตโตมัน สูญสิ้นอำนาจ การปกครองออตโตมันตกอยู่ภายใต้คณะรัฐประหารยังเติร์กและฟรีเมสัน ตะวันตกก็เข้ามายึดครองและมีอำนาจเหนือโลกมุสลิมอีกครั้ง มากระทั่งวินาทีนี้
ซึ่งการพิชิตคอนสแตนติโนเปิ้ลครั้งที่ 2 ท่านนบี ศอลฯ เคยบอกไว้ว่า จะเกิดขึ้นอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงอายาโซเฟียกลับคืนสู่การเป็นมัสยิดอีกครั้งเช่นในยุคสุลต่านมุฮัมมัด ฟาติห์ จึงมีนัยยิ่งใหญ่มหาศาล ซึ่งโลกตะวันตกซาบซึ้งดีถึงความหมายนี้ จึงรวมหัวกันคัดค้านอย่างเด็ดขาด
อิทธิพลของตะวันตกในโลกมุสลิมเริ่มถูกตอบโต้และถูกกำจัดออกไป อิสรภาพทางนโยบายเริ่มปรากฏ
ซึ่งหวังว่า ตุรกีในวันนี้น่าจะเป็นวันนั้น
10,332 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.