นิทรรศการงานเขียน “Write for Democracy”
ลำดับที่ 05 | เรื่องสั้น
ชื่อผลงาน : ณ จุดหักเปลี่ยนของความเเตกต่าง
•
ขณะลืมตาจากความมืด ผมเห็นความวุ่นวายท่ามกลางฝูงชนในเมืองแห่งหนึ่ง ในหัวของผมมึนงงไปหมดว่าผมมาทำอะไรที่นี่ ผมลองเดินดูไปรอบ ๆ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ในขณะนึกขึ้นได้ว่าเห็นผู้คนกำลังชูป้ายที่เขียนว่า “SHAME ON DELHI POLICE” มันทำให้ผมถึงกับผงะว่านี่มันไม่ปกติแล้ว นี่ผมมาโผล่ในความวุ่นวายของเมืองนิวเดลีได้ยังไงกันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมก็แค่….
•
ผมตั้งสติและพยายามใช้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษที่มีอยู่เพียงน้อยนิดสื่อสารกับผู้คนในที่แห่งนั้น ผมจับใจความได้ว่าผู้คนที่มาชุมนุมกันคือนิสิตนักศึกษาชาวมุสลิมที่มายืนหยัดในสิทธิของชาวมุสลิมควรได้รับ เพราะการกระทำที่แสดงถึงความ
อยุติธรรมของตำรวจที่กดขี่และทำร้ายชาวมุสลิมอย่างหน้าตาเฉย
•
หลังจากนั้นผมได้เข้าไปมีส่วนรวมในการชุมนุมในครั้งนี้ ด้วยความที่ผมมีอุดมการณ์ที่หนักแน่นในเรื่องของสิทธิเสรีภาพจึงไม่รอช้าที่จะพยายามมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ กระทั่งมีนายตำรวจคนหนึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันความวุ่นวายและยุ่งเหยิงอย่างสุดความสามารถ ผมไม่ทราบว่าเขาคิดอย่างไรแต่นายตำรวจคนนั้นได้หยิบปืนพกขึ้นมาและอาจมุ่งหวังที่จะยิงขึ้นฟ้าหากแต่ปืนกระบอกนั้นได้ถูกลั่นไกก่อนมันจะชี้ขึ้นฟ้าทำให้ลูกกระสุนนัดนั้นพุ่งเข้าหาผู้ชุมนุมและเสียชีวิต
•
รู้ไหมว่ากระสุนนัดนั้นได้ปลิดชีพใคร? คน ๆ นั้นคือ ผมเองครับ ผมไม่อาจบรรยายได้ถึงความเจ็บปวดที่รู้สึก ขณะนั้นผมทำได้เพียงพยายามพยุงตัว
จนกระทั่งตนเองหมดสติไปและฟื้นขึ้นมา แต่ผมก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งที่ยังไม่ตาย จึงหันมองไปรอบ ๆ และรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของสถานที่อีกเช่นเคย ผมรู้สึกได้ว่าครั้งนี้สิ่งที่ผมพบเจอมาเมื่อสักครู่ขอให้สิ่งนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน แต่ตอนนี้เมืองที่ผมตื่นขึ้นมาก็เป็นเมืองที่ผมไม่อาจได้คิดได้ฝัน
ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์หรือนรกแต่คือเมืองมินนิโซตา หากถามว่าผมมีความสามารถหยั่งรู้หรือ? คงตอบว่าไม่ ครั้งนี้สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ารุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก มันคือเปลวเพลิงที่เผ่าไหม้อาคารสถานที่อย่างลุกโชนและผู้คนที่กำลังปะทุความรู้สึกของการต่อต้านการเหยียดสีผิว
•
ทุกๆคนในที่นี่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการแสดงถึงสิทธิที่ นายจอร์จ ฟลอยด์ และคน
อื่น ๆ ควรจะได้รับความยุติธรรม ผมกลับรู้สึกว่าผมอาจตายไปแล้วหรือเปล่าทำไมผมถึงสามารถรู้ได้ในทันทีเมื่ออยู่ในเหตุการณ์ และความรุนแรงก็ทวีคูณจนกระทั้งมีการประทะกับเจ้าหน้าที่อย่างจัง
ครั้งนี้ผมรีบวิ่งไปหาที่หลบ ทุก ๆ ความรู้สึกรักพ่อ
รักแม่ หรือรักเพื่อนและความอยากที่จะตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณปะทุขึ้น พร้อมกับท่าทีของผมที่ตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “ผมยังไม่ยากตาย” และวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต จนกระทั่งแวบหนึ่งหางตาของผมเหลือบไปเห็นหนูน้อยเสื้อแดงท่ามกลางความวุ่นวาย
•
ผมรู้สึกได้ว่านี่มันไม่ถูกต้องผมเลยรีบวิ่งด้วยแรงเฮือกสุดท้ายเข้าไปอุ้มหนูน้อยออกมา และโชคชะตาก็คงจะเล่นตลกอีกครั้งที่ผมถูกรถชน ครั้งนี้ผมไม่ตายในทันทีผมรู้สึกเจ็บปวดและทรมานด้วยความสาหัสของอาการบาดเจ็บ จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเรียกชื่อของผม “ฮานลูกตื่นได้แล้ว”
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาและขอบคุณสิ่งที่ผมพบเจอ “ว่านั้นเป็นเพียงฝัน”
•
“อาจไม่ช้าเกินไปที่จะเห็นค่าของสิ่งที่อยู่รอบข้าง
ถ้าหากชีวิตยังมีลมหายใจก็จงใช้มันให้คุ้มค่า”
•
ผู้เขียน : นายฮานาฟี ยาตี
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนเเสงธรรมวิทยามูลนิธิ
ภูมิลำเนาจังหวัดสงขลา
กิจกรรม Write for Democracy เป็นพื้นที่ให้เยาวชนในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ได้สร้างสรรค์งานเขียนเพื่อถ่ายทอดความนึกคิด เเสดงความคิดเห็น เเละส่งเสริมการสร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ในสังคมไทย
736 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.