เมษายน 25, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

Fake News(ตอนที่9) มหันตภัยร้าย ที่กำลังทิ่มแทงสังคมพุทธ-มุสลิม(กรณีห้ามสร้างมัสยิด)

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน


.
✅✅ปัจจุบัน ประเทศไทยมีมัสยิดที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 จำนวน 3,965 แห่ง ซึ่งจากการจัดเก็บสถิติย้อนหลัง 6 ปี (พ.ศ.2555-2560) พบว่า มีมัสยิดขอจดทะเบียนเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 32 แห่ง ซึ่งสร้างขึ้นตามศรัทธาของชาวไทยมุสลิม มิใช่การสนับสนุนของรัฐบาลชุดปัจจุบันแต่อย่างใด
.
✅✅ส่วนประเด็นที่กล่าวอ้างว่า การสร้างวัดต้องทำประชาพิจารณ์ ส่วนการสร้างมัสยิดไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ ก็ต้องพิจารณาว่า กฎหมายกำหนดให้ต้องมีขั้นตอนดังกล่าวหรือไม่
.
✅✅ประเด็นที่กล่าวอ้างถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม และการสร้างมัสยิด จึงเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และบิดเบือน เพื่อสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิดต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งผู้นำเข้า หรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าว จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย(โปรดดู http://spmcnews.com/?p=22396)
ล่าสุดมีการแถลงการณ์จากชาวพุทธกลุ่มหนึ่งออกคลิป ถ้าชายแดนใต้ ไม่สงบ!! ก็ให้จบการสร้าง มัสยิดทั่วไทย!!และกล่าวหาว่า “การสร้างมัสยิดจะนำสู่ความรุนแรง” ดูhttps://www.youtube.com/watch?v=naov-SIjg5o หลังจากข่าวนี้ถูกแชร์มากในโลกโซเซียลในยุคดิจิตอล ดร.วิสุทธ์ บิลล่าเต๊ะ ประธานสำนักงานจุฬาราชมนตรี(ส่วนหน้า) ได้เขียนบทความโต้Fake News ที่กล่าวหาว่า มัสยิดไม่ควรสร้างเพราะปัญหาชายแดนใต้ในหัวข้อ
“มัสยิด” อันตราย ไม่ควรขยายจำนวนจริงหรือ ? ท่านอธิบายว่า
เหตุผลสำคัญที่พี่น้องคนไทยจำนวนหนึ่งกลัวมัสยิดและชูคำขวัญต่อต้านกันคือมัสยิดรุกล้ำพระพุทธศาสนา และกลัวว่าเมื่อมีมัสยิดขึ้นมาแล้วจะเกิดความรุนแรงเหมือนในสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีมัสยิดจำนวนมากและมีความรุนแรงมากด้วย


ถ้านับเอามัสยิดที่เริ่มสร้างในสมัยบรมศาสดามุหัมมัด ก็ถือว่ามัสยิดได้เริ่มแสดงบทบาททางสังคมมากว่า 1400 ปีแล้ว เป็นบทบาทที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แก่สังคมมดีนะฮฺ เพราะนับแต่มีมัสยิดสังคมมดีนะฮก็มีเสถียรภาพและความมั่นคงมากขึ้น และแม้จะมีมัสยิดเป็นศูนย์กลางทางการปกครองแล้ว แต่ชาวยิวและมุชริกีนทั้งหลายก็ยังคงใช้ชีวิตของตนตามปกติเหมือนที่เคยมีมา ไม่มีการรุกล้ำก้าวก่ายสิทธิและเสรีภาพทางศาสนาของผู้ใด ทั้งนี้เป็นไปตามกฎบัตรแห่งมดีนะฮ (Medinah Charter) ที่ถูกตราไว้ก่อนแล้วให้คนทุกศาสนาสามารถนับถือและปฏิบัติตามความเชื่อของตนได้อย่างเสรี โดยไม่มีการขัดขวางต่อต้าน จนกระทั่งชาวยิวเองที่ละเมิดกฏบัตรดังกล่าว
ศาสนทูตมุหัมมัดคือบุคคลต้นแบบที่มุสลิมทุกคนต้องเจริญรอยตาม ทั้งในแง่ชีวิตส่วนตัวและสังคม รวมทั้งการสร้างมัสยิดก็ต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านด้วย
เมื่อคำนึงถึงเจตนารมณ์แห่งการสร้างมัสยิด พี่น้องชาวพุทธหรือศาสนิกใด ๆ ก็แล้วแต่ จะพบว่าแทนที่เราจะหวาดระแวงต่อการดำรงอยู่ของมัสยิด เรากลับน่าจะยินดีเสียมากกว่า ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. การปรากฎขึ้นของมัสยิด คือดัชนีชี้วัดเสรีภาพทางศาสนาในแผ่นดินที่มัสยิดนั้นตั้งอยู่ และตราบใดที่มีเสรีภาพ ตราบนั้นมุสลิมจะต้องใช้มัสยิดดังกล่าวไปในการรังสรรค์สันติภาพ ภราดรภาพ ความเจริญและความมั่นคงแก่แผ่นดิน ไม่สามารถใช้มัสยิดไปในหนทางของความบาดหมางหรือสั่นคลอนเสถียรภาพของสังคมได้ ผู้ใดกระทำการเช่นนั้น ย่อมถือว่ากระทำการอันขัดแย้งกับเจตนารมณ์แห่งศาสนทูต และมัสยิดที่ดำรงอยู่อย่างย้อนแย้งกับเจตนารมณ์ ผู้มีอำนาจอาจสั่งรื้อได้โดยชอบธรรม
2. มัสยิดต้องทำหน้าที่อบรมบ่มเพาะยุวชนมุสลิมให้รู้จักการดำรงชีพอย่างมีแก่นสารสาระ ที่สำคัญคือเป็นคนที่รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อบ้านเกิดเมืองนอนของตน การส่งเสริมให้มัสยิดทำหน้าที่นี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพย่อมหมายถึงเราจะได้คนคุณภาพมาเป็นกำลังในการพัฒนาชาติบ้านเมืองมากขึ้น ในช่วงเวลาที่เรากำลังก้าวสู่สังคมคนชราและเยาวชนส่วนใหญ่ถูกชักจูงให้ห่างไกลมัสยิด มีชีวิตไร้สาระแก่นสาร จนในทีื่สุดก็สมาทานแนวคิดสุดโต่งและเป็นเหยื่อของขบวนการก่อการร้ายต่าง ๆ ได้
3. มัสยิดเป็นพื้นที่สาธารณะหลัก (public sphere)ของชุมชนมุสลิม เป็นสถาบันที่ช่วยสร้างประชาสังคม (civil society)แก่มุสลิมได้ เช่นเดียวกับที่วัดในพุทธศาสนาเคยทำมาก่อน
ความจริงแล้ว ช่วงเวลานี้คือเวลาที่วัดกับมัสยิดจะต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อปกป้องพื้นที่สาธารณะและประชาสังคมของตนไม่ให้ถูกกลืนไปในกระแสวัตถุนิยมสุดโต่งและเสรีนิยมสุดขั้วซึ่งถือเป็นศัตรูร่วมกันของทุกศาสนา เพราะความสุดโต่งของสองกระแสดังกล่าวได้สลายทำลายพื้นที่สาธารณะที่จะช่วยสร้างอัตลักษณ์ทางศาสนาลงไปแทบสิ้นเชิง ในกระแสเช่นนี้ทุกศาสนาต่างต้องเผชิญกับสภาวะความรกร้างว่างเปล่าของศาสนสถาน เพราะผู้คนไปใช้พื้นที่สาธารณะอื่นที่ไม่ใช่ศาสนสถาน เช่น สนามกีฬา ศูนย์การค้าหรือโรงภาพยนต์แทน
การสร้างความแตกแยกระหว่างศาสนามีแต่จะทำให้ทุกศาสนาอ่อนแอมากขึ้นและกลายเป็นเหยื่อของกระแสวัตถุนิยมเพิ่มขึ้น
4. ประเทศไทยมีวัดที่มีพระสงฆ์ประจำประมาณ 41, 340 แห่ง มีพระอารามหลวงอีก 310 แห่ง วัดราษฎร์อีกกว่าสี่หมื่นแห่ง ขณะที่มัสยิดมีไม่เกิน 4000 แห่ง สำหรับวัดนอกจากมีกรมศาสนาคอยทำหน้าที่ดูแลโดยตรงแล้ว ยังมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งมีงบประมาณแยกต่างหากจากกรมศาสนาคอยสนับสนุนอีกหน่วยงานหนึ่งด้วย ขณะที่มัสยิดไม่มีหน่วยงานใดคอยสนับสนุนนอกจากกรมการศาสนาที่มีงบประมาณแต่ละปีแทบจะน้อยที่สุดในหมู่กรมกองทั้งหลาย
สาธุชนทั้งหลายพึงตรองดูเถิด เป็นดังนี้แล้ว มัสยิดจะไปรุกรานพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?
ส่วนความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ วิญญูชนทั้งหลายย่อมตระหนักดีว่ามิได้มีสาเหตุมาจากศาสนาและมิได้มีฐานอยู่ที่มัสยิดแต่ประการใดเลย แต่มีเหตุปัจจัยนอกศาสนาจำนวนมากที่เข้ามาสุมรุมให้เกิดความรุนแรง กระนั้น ภายใต้ข้อจำกัดมากมายมัสยิดทั้งหลายต่างทำหน้าที่สกัดความรุนแรงจนผู้นำศาสนาหลายคนต้องสังเวยชีวิต กล่าวได้ว่าหากไม่มีมัสยิดอยู่ในพื้นที่ เราอาจเผชิญความรุนแรงมากกว่านี้หลายเท่า

หมายเหตุ
1.Fake News (ตอนที่1)มหันตภัยร้าย !! สังคมไทยในการสร้างความเกลียดชัง :กรณีศึกษาหลักสูตรอิสลามศึกษาในโรงเรียนรัฐ (ตอนที่1)//อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์(อับดุลสุโก ดินอะ)http://spmcnews.com/?p=22122
2.(ตอนที่ 2) Fake News มหันตภัยร้ายสังคมไทยในการสร้างความเกลียดชัง:กรณีศึกษาหลักสูตรอิสลามศึกษาในโรงเรียนของรัฐ//อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์(อับดุลสุโก ดินอะ)รายงาน/เรียบเรียง..http://spmcnews.com/?p=22161
3(ตอนที่3)Fake News มหันตภัยร้ายสังคมไทยในการสร้างความเกลียดชัง:กรณีศึกษาหลักสูตรอิสลามศึกษาในโรงเรียนของรัฐ//อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)รายงาน/เรียบเรียง//http://spmcnews.com/?p=22191
4.Fake News (ตอนที่4)มหันตภัยร้ายสังคมไทยในการสร้างความเกลียดชัง:กรณีศึกษาวิชาอิสลามศึกษา//อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)เรียบเรียง http://spmcnews.com/?p=22274

5.(ตอนที่ 5) Fake News นอกจากเรื่องหลักสูตรอิสลามศึกษาแล้วยังมีเรื่องบิดเบือนมากกว่านั้นอีก/อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)http://spmcnews.com/?p=22396
6.Fake News (ตอนที่6)มหัตภัยร้ายกว่า ขบวนการใช้ความรุนแรงที่ชายแดนใต้///อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) รพี มามะ บรรณาธิการข่าว….http://spmcnews.com/?p=22693
7. Fake News (ตอนที่7)
http://spmcnews.com/?paged=4

8. Fake News (ตอนที่8)

สองทัศนะนักวิชาการเกี่ยวกับ Fake News(ตอนที่ 8) หลังจากมีการถกเถียงเรื่องFake News เรื่องเงินกู้กองทุนกยศ.อย่างเผ็ดร้อน

 1,115 total views,  2 views today

You may have missed