อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า ได้รายงานว่า ณ.วันที่ 26 ตุลาคม 2562 ที่อาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามงานพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับฟังบรรยายสรุปจาก พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งได้รับฟังข้อเสนอแนะเพื่อเสนอให้รัฐบาลเร่งรัดและผลักดัน โดยมี พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยส่วนราชการในพื้นที่ และประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เยี่ยมชมนิทรรศการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและประสบความสำเร็จวิสาหกิจ
จากนั้น ร่วมรับฟังความก้าวหน้าการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ประกอบด้วย การขับเคลื่อนโครงการปลูกไผ่เศรษฐกิจ “พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต” ที่เน้นการทำเกษตรผสมผสานเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรให้มีรายได้รายวัน รายเดือนและรายปี รวมทั้ง เชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เป็นระบบและครบวงจร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนที่ต้องดีกว่าเดิมและเพิ่มช่องทางรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรร่วมกับการปลูกพืชเดิมที่สำคัญ พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบพันธุ์ไผ่ให้กับตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 10 ราย พร้อมกล่าวให้กำลังใจแก่เครือข่ายเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมขับเคลื่อนการทำงานในพื้นที่ รวมทั้งได้เยี่ยมชมการแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์และการแปรรูปไผ่ในรูปแบบต่างๆ จากนั้นได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือการส่งเสริมการปลูกกาแฟครบวงจร ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ได้รับทราบงานนโยบายของรัฐบาลที่นำไปปฏิบัติในพื้นที่จนเกิดเป็นผลสำเร็จหลายโครงการ รวมทั้ง การเตรียมการไว้เพื่อดำเนินการในระยะต่อไป ส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน โครงการเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่หลากหลายให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้รายวัน รายเดือน รายปี ให้ได้ผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังจะมีการจัดตั้งสวนอุตสาหกรรมแห่งแรกของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสินค้าฮาลาล ผ่านการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นสินค้าที่มีความหลากหลายและผลิตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับประชาชน รวมทั้งการขยายผลให้เกิดผลิตผลด้านศิลปะและแฟชั่นมุสลิมไปยังฐานการทำงานในหมู่บ้านให้เป็นไปตามแนวคิด Taobao Village Model และต่อยอดไปยังสถาบันการศึกษาให้เป็นแบบ Taobao University ที่เป็นสถาบันดีไซน์และแฟชั่นสำหรับมุสลิมทั้งภูมิภาคเอเชีย/โลก เพื่อให้จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถเชื่อมไทยและเชื่อมโลกได้อย่างแท้จริง สำหรับด้านการพัฒนาสังคมจะเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการป้องกัน และการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพื่อเดินหน้าเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ผู้นำศาสนาและสถานศึกษาต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันยาเสพติด
ด้านการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกฝ่าย ทุกคน จะต้องร่วมใจกันสืบสาน รักษา ต่อยอดให้เป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับประเด็นการพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญให้มากที่สุด การทำงานต้องเชื่อมโยงการพัฒนาเข้าสู่งานอาชีพ ผ่านโครงการของรัฐที่ทำงานร่วมกับเอกชน อาทิ โครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ทั้ง 4 เมืองต้นแบบ ต้องสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับเยาวชนในพื้นที่ได้ รวมทั้งได้ขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานสตรีและเด็กจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นศูนย์กลางการนำ NGOs นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการต่อจากนี้ โดยถือเป็นนโยบายสำคัญของงานพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สำคัญ ทั้ง การออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน และ การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ นอกจากนโยบายในการชดเชยราคาสินค้าเกษตรแล้ว จะต้องเสริมสร้างกลุ่มวิสาหกิจในพื้นที่ทำการแปรรูปสินค้า เบื้องต้นได้ให้สำนักงานสวนอุตสาหกรรม เป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ นอกจากนี้จะส่งเสริมการทำเกษตรผสมผสานมากขึ้นในพื้นที่ โดยส่วนราชการจะทำหน้าที่การตลาดและเป็นพี่เลี้ยงให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลัง รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวทิ้งท้าย
จะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีๆทั้งนั้นที่ท่านได้รับรายงานและสื่อก็พาดหัวว่า
“บิ๊กป้อม ชี้งานชายแดนใต้ก้าวหน้า ศก.ดีขึ้น ความรุนแรงลดลง”
แต่ก็มีเสียงระเบิดที่อำเภอบันนังสตาจังหวัดยะลา(https://workpointnews.com/2019/10/26/southern-border-provinces/)
ท่านพูดว่า สถานการณ์ในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับทราบงานนโยบายของรัฐบาลที่นำไปปฏิบัติในพื้นที่จนเกิดเป็นผลสำเร็จหลายโครงการ ทั้งๆที่ช่วงดังกล่าวก็มีเสียงระเบิดที่อำเภอบันนังสตาจังหวัดยะลา
อย่างไรก็แล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงสะท้อนที่ท่านยังไม่ถูกรายงานก็มีมากมาย(แต่ท่านคงรู้ข่าวในเชิงลึก)ซึ่งผู้เขียนขอนำเสนอเพื่อผู้รับผิดชอบนำไปปรับปรุงดังนี้
1. ความรุนแรงลดเพียงสถิติแต่คนของรัฐยังโดนหมายความว่าอย่างไร
การที่ความรุนแรงลดแต่คนของรัฐยังโดนนี้หมายความว่าอย่างไร จะให้ประชาชนสบายใจ อยู่เป็นสุขและคิดอย่างไร สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เพราะขนาดวันพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีลงมายังระเบิดต้อนรับ อีกอย่าง ภาพที่สื่ออย่างไทยพีบีเอสรายงานข่าวว่า “เจ้าหน้าที่วางกำลังคุมเข้ม ตลอดเส้นทางหลวงสาย 418 ปัตตานี-ยะลา ระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ ของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ใน จ.ยะลา เพื่อติดตามงานด้านการพัฒนาพื้นที่ จว.ชายเเดนภาคใต้ เเละตั้งสวนอุตสาหกรรมในสามจังหวัด (โปรดดูhttps://www.facebook.com/…/pcb.269468448…/2694692583915008/…)แสดงถึงความไม่รู้สึกปลอดภัยยังสูงอยู่
หากพิจารณาปัจจุบันพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีชุดคุ้มครองตำบล(ชคต.)ซึ่งถือเป็นคนของรัฐ อยู่ทั้งสิ้น 164 แห่ง จากเป้าหมายทั้งหมด 288 ตำบล โดย ชคต.ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 ตามแผนการถ่ายโอนภารกิจการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ จากทหารหลักสู่กองกำลังประจำถิ่นและกองกำลังประชาชน อยู่ในความรับผิดของฝ่ายปกครอง และบรรจุ อส.เข้าไปเสริมปฏิบัติการ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยให้กับชุมชนของตนเอง โดยมีภาครัฐสนับสนุนและให้สวัสดิการ สถาบัน ข่าวอิศราได้สรุปสถิติปี 2562 พบว่า ชุดคุ้มครองตำบลยังเป็นเป้าหมาย ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้งไม่นับปีอื่นๆอีกหลายครั้ง (ปี 56 5 ครั้ง 57 ไม่มี ปี58 2 ครั้ง 59 3 ครั้ง 60 8 ครั้ง 61 10 ครั้ง)กล่าวคือ10 ม.ค.62มีคนร้ายก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ อส.ชุดคุ้มครองตำบลประจัน เสียชีวิต 4 นาย ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ รปภ.โรงเรียนบ้านบูโกะ หมู่ 5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 2 เม.ย.62 มี คนร้ายซุ้มยิงฐานชุดคุ้มครองตำบลดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ 23 ก.ค.62 มีคนร้ายบุกโจมตีจุดตรวจและฐานปฏิบัติการ ชคต.บ้านกอแลปิเละ ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้ทหาร ชรบ. และ อส. เสียชีวิตรวม 4 นาย 16 ก.ย.62มี คนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะทำหน้าที่ รปภ.ครูกลับบ้าน ทำให้ อส.เสียชีวิต 2 นาย
จากที่ชุดคุ้มครองตำบล(ชคต.)ซึ่งถือเป็นคนของรัฐ ยังโดนถล่มซึ่งนักวิชาการที่ศึกษาความรุนแรงชายแดนใต้สรุปตรงกันว่าน่าจะมาจากผู้เห็นต่างจากรัฐที่ใช้กำลังอาวุธ ที่มีเป้าหมายทางการเมืองเรื่องเอกราชหรือรัฐไทยเรียกว่าแบ่งแยกดินแดน
ข้อเสนอแนะ(ส่วนหนึ่งปรับจากรายงานนักวิชาการจากศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้https://deepsouthwatch.org/th/node/11899)
จริงอยู่จำนวนเหตุการณ์มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์โดยภาพรวมดีขึ้น ในขณะเดียวกันยังคงมีความสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเฉพาะเหตุที่เกี่ยวข้องกับผู้เห็นต่างจากรัฐที่ใช้กำลังอาวุธ ที่กระทำต่อชุดคุ้มครองตำบล(ชคต.) และหน่วยความมั่นคงไม่ว่าทหารหรือตำรวจตามปรากฏเป็นข่าว ซึ่งนักวิชาการจากศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้มองว่า “เนื่องจากยังไม่มีกระบวนการพูดคุย เพื่อสันติสุขที่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกกลุ่ม” เพราะฉะนั้นการหาวิถีทางเดินหน้ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ/สันติสุขกับทุกกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐโดยเฉพาะกลุ่มติดอาวุธมีความสำคัญสำหรับการลดจำนวน เหตุการณ์ความรุนแรง และเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวในระยะสั้นอำเภอใดที่มีจำนวนเหตุการณ์รุนแรงเช่น อำเภอ หนองจิก จังหวัดปัตตานี ควรได้รับการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากทั้งภาครัฐ และประชาสังคมเพื่อคอยคลี่คลายสถานการณ์ หลังจากพื้นที่นี้ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์จำนวนมาก
ในขณะที่พัฒนาการทางการเมืองมีการเปิดกว้างมากขึ้นหลังมีการเลือกตั้งแต่นักวิชาการและประชาสังคมบางคนกลับถูกฟ้องจากแม่ทัพภาคที่สี่อันจะส่งผลต่อปัจจัยเอื้อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ/สันติสุข ในขณะที่กระบวนการสันติภาพซึ่งไทยได้เปลี่ยนหัวหน้าคณะพูดคุย ซึ่งคาดการว่ารัฐบาลใหม่มาเลเซียภายใต้การนำของอันวาร์ อิบรอฮีมก็จะมีการเปลี่ยนตัวนายรอฮีม นูร์ เช่นกัน(จากการเปิดเผยของคณะทำงานท่านอันวาร์ อิบรอฮีมซึ่งเชิญผู้เขียนได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเซลังงอร์ ประเทศมาเลเซียในเวทีเสวนา “Peaceful Coexistence Strengthening The Malaysia-Thailand Relationship “ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย)
2. กระบวนการยุติธรรมชายแดนใต้ต้องปฏิรูป
ตลอด 15 ปี ไฟใต้ต้องยอมรับว่า กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา อันเป็นปัจจัยเอื้อให้เจ้าหน้าที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้กฎหมายพิเศษ ก่อนท่านประวิตร ลงมา ในพื้นที่กำลังถามหาความยุติธรรมกรณีของอับดุลเลาะ สังคมกำลังตั้งคำถามว่าแม้แต่ผู้พากษายังถูกแทรกแซง 25 ตุลาคม 2562 วันครบรอบ 15 ปีโศกนาฏกรรมตากใบ คำถามผู้คนทั้งไทยและเทศ ยังคงถามหาความยุติธรรม ซึ่งสอดคล้องกับทัศนะ“อันวาร์ อิบรอฮีม “ กระบวนการสันติภาพชายแดนใต้/ปตานี “สันติภาพต้องคู่กับความยุติธรรม” ซึ่งงท่านพูด ในเวทีเสวนา “Peaceful Coexistence Strengthening The Malaysia-Thailand Relationship “ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียซึ่งมีตัวแทนนักวิชาการ ประชาสังคมชายแดนภาคใต้ ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 50 คน (รวมทั้งผู้เขียน) ร่วมเสวนาในประเด็นกระบวนสันติภาพชายแดนใต้เพื่อให้ได้สันติภาพอย่างครอบคลุมยั่งยืนในประเด็น สังคม ศาสนา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การพัฒนา และการศึกษา
(โปรดดูรายละเอียดที่ผู้เขียนได้รายงานใน http://spmcnews.com/?p=21157&fbclid=IwAR3REWGTEXO_flIBMMhBLKa1gsNBZmu76EhcUQ4JWyY-MNhh7vc24Sld_m4)
กล่าวโดยสรุปที่ท่านรองนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับฟังจากรายงานคือ ข้อเสนอทุกภาคส่วนให้รัฐปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมชายแดนใต้เป็นข้อเสนอจากเวทีกรุงเทพมหานครและชายแดนใต้
สำหรับเวทีกรุงเทพมหานคร นั้น ผู้เขียนได้มีโอกาสฟังข้อคิดเห็นจากผศ.ดร.รณกรณ์ บุญมีอาจารย์นิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (11 ตุลาคม 2562 ) ได้สะท้อนและตั้งข้อสังเกตว่า “คำรับสารภาพ ข้อมูลในภาคใต้ในกฎหมายพิเศษน่ารับฟังไหม “อันสามารถทำให้ผู้ฟังร้องออว่ายังไงกระบวนการยุติธรรมที่ชายแดนใต้ต้องรีบปฏิรูปมิฉะนั้นจะเป็นปัจจัยเอื้อต่อไฟใต้ตลอดท่านให้ทัศนะว่า “ผมไม่ได้เห็นด้วยกับคุณคณากร ทั้งหมด แต่ประเด็นหนึ่ง หรือประโยคซึ่งจับใจมาก“ ทำไมผู้ต้องสงสัยที่มีศักดิ์สูงกว่าผู้ต้องหา แต่มีสิทธิน้อยกว่าผู้ต้องหา”เหมือนที่ทนายของกลุ่มMAC (ศูนย์ทนายความมุสลิม)บอกว่า ทำไมกลุ่มพวกนี้ถูกจับกุม คุมขัง แม้เราจะเรียกชื่อเขาว่าไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นผู้ต้องสงสัย ทำไมไม่มีสิทธิตามกฎหมาย สิทธิตามกฎหมายพื้นฐานสำหรับการป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบของรัฐ รัฐมีเงินลงทุนทุกอย่าง จ้างตำรวจ จ้างอัยการ แต่ในอีกฝั่งหนึ่งของผู้ต้องหา มีเพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้น คือ สิทธิ์ที่จะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ “ ท่านแสดงทัศนะเพิ่มเติมว่า”
คุณมีสิทธิ์เดียวเท่านั้นที่คุณจะเป็นอาวุธสู้ ประเด็น สิ่งที่เขาต้องมีก็คือ เขาต้องมีคนนอก คนกลาง ที่ช่วยเขารับฟัง ช่วยเป็นพยาน ถ้าเขาจะถูกใช้อำนาจโดยมิชอบ นั่นก็คือ ทนายความที่เขาเลือกเอง ประเด็นคือ เรามีทนายความแบบนั้นไหมที่ชายแดนภาคใต้ ทนายความแบบนั้นได้เข้าถึงผู้ต้องสงสัยไหม? เขามีสิทธิ์บอกญาติไหม? เพื่อป้องกันการถูกบังคับให้สูญหาย ถ้าเขามีหลักประกันหลักการพื้นฐานแบบนี้ ผมคิดว่าก็จะพอรับฟังได้ …
แต่ปัจจุบันสิทธิ์พวกนี้ เขาไม่มีและที่แย่ที่สุดในบรรดาทั้งหมด คือสิทธิ์ที่ได้เจอผู้พิพากษาโดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจสอบว่า การจับกุมของเขาถูกต้องหรือไม่ ?
มาตรฐานโลก ซึ่งแน่นอนแตกต่างในแต่ละประเทศ แต่ Human Rights Committee ตาม iccpr กำหนดอยู่ที่ 48 ชม. อังกฤษกำหนดที่ 24 ชม. คดีสำคัญได้ 36 ชม. ยกเว้นคดีก่อการร้ายที่ 72 ชม. โดยมาตรฐานทั่วโลกคือ 48 ชม.
แต่ของไทย “กฎอัยการศึก 7 วัน” ต่อให้เราเชื่อว่าศาลทำงานอย่างเข้มแข็งในการดูหมายฉุกเฉิน ในการควบคุมตัวตาม พรก.ฉุกเฉิน ต่อให้เราเชื่อว่าใน เจ็บวัน ๆ ๆ นั้น
คนๆนี้ถูกคุมขังไปแล้ว 7 วันโดยไม่มีใครเยี่ยม ไม่ใครไปอยู่ด้วย” ท่านอธิบายเพิ่มอีกว่า”ผมทราบดีถึงข้อแลกเปลี่ยนระหว่างความมั่นคง กับ เสรีภาพ
แต่นี่คือราคาที่เราต้องจ่าย แล้วมันคุ้มค่าไหม ? แต่คนจ่ายไม่ใช่เราที่นั่งหล่อ ๆ สวย ๆ อยู่ในกรุงเทพฯแต่คือ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่”
สำหรับเวทีชายแดนใต้เมื่อ วันที่ 17 ตุลาคม 2562 ตัวแทนองค์กรเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชนจังหวัดชายแดนภาคใต้รวมทั้ง เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร) สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กลุ่มด้วยใจ เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปัตตานี เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษได้เสนอร่วมกัน ว่ายังไงเสีย กระบวนการยุติธรรมชายแดนใต้จะต้องปฏิรูป ในเวทีวิชาการ “วิกฤติกระบวนการยุติธรรมจังหวัดชายแดนใต้ จากบทเรียนสู่การปฏิรูป” ณ โรงแรมตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส
กล่าวคือการประกาศกฎอัยการศึกเกือบทุกอำเภอและมีประกาศ พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทับซ้อนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่ายมีการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ ส่งผลกระทบถึงประชาชนอย่างมากในชีวิตประจำวันเป็นระยะเวลานานมากว่า 15 ปี แม้ว่าประชากรบางส่วนจะเห็นว่าการใช้อำนาจกฎหมายพิเศษจะยังมีความจำเป็น แต่ต้องไม่กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานและต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลจากบุคลากรในฝ่ายความมั่นคง
ครับจะเห็นถึงว่าหากมีกระบวนการยุติธรรมที่มาตรฐานสากลตั้งแต่กระบวนการซักถามเรื่องอับดุลเลาะ อิซอมุสอ คนไทยต้องไม่ทะเลาะกัน ญาติคงไม่ต้องออกไปความยุติธรรมที่ กทม. ที่รัฐสภา ที่ฝ่ายค้าน ที่องค์กรสิทธิระหว่างประเทศ รัฐไม่ต้องมาตอบคำถามนักข่าวเกือบทุกวัน ที่สำคัญคนเห็นต่างจากรัฐที่ใช้อาวุธก็ไม่สามารถนำประเด็นนี้ไปขยายต่อ และที่สำคัญผบ.ทบ.ที่แสดงทัศนะจนเป็นTalk of the Town (11/10/62)ก็ไม่ต้องมาเหมารวมเรื่องขบวนการแยกดินแดน
26 ตุลาคม 62 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ กล่าวต่อหน้าหน้า บุคลากรทางการศึกษาครั้งแรก ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้าใจและทัศนคติที่ดีต่อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมแก่ครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนายนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ระยะที่3) ณ ห้องประชุมอีหม่ามนาวาวี ตึกนานาชาติ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
มีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า “
#ความไม่เป็นธรรม ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนใต้ หาใช่เฉพาะการถูกบังคับใช้กฎหมายพิเศษ เพียงอย่างเดียว หากแต่ ความเหลือมล้ำ ที่เกิดจากการศึกษา ถือเป็นส่วนหนึ่ง ของปัญหา ที่ผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะฝ่ายบริหาร ต้องมีความจริงใจในการเข้ามาดูแล เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด โดยเฉพาะงบประมาณการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ทั้งของเด็กนักเรียน และครูผู้สอน นอกเหนือจากงบอุดหนุน”
|
ตามมาตรา 37 แต่มีซ่อนอยู่ในหน่วยงานอื่น ของหน่วยรับงบประมาณอีกกว่า 36,000 ล้าน แบ่งเป็นงบประมาณ 2 ก้อน ตามมาตรา 37 มีงบประมาณ 30,000 กว่าล้านเป็นอย่างต่ำ เท่าที่ผมตรวจสอบได้มันเยอะมาก แต่ทั้ง 2 ก้อน สามารถแสดงให้ท่านประธานทราบว่า เป็นงบประมาณด้านการทหารเป็นหลัก นั้นหมายความว่า การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังจากนี้ไป ก็คือ “การทหารนำการเมือง”
อีกส่วนเป็นงบประมาณสนับสนุนการวิจัยที่นักวิชาการ อย่าง ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี มองว่า สนองเจตจำนงความมั่นคงมากกว่าชุมชนซึ่งเป็นภารกิจมหาวิทยาลัย โดยท่านกล่าวว่า “มหาวิทยาลัยต้องเป็นอิสระ รับใช้ชุมชน รับใช้สังคม ไม่ใช่ต้องมาทำโครงการเพื่อรับใช้ความมั่นคงจึงได้งบ มันเป็นเรื่องอันตรายมาก”
ครับท้ายสุดอยากให้ให้รัฐกลับไปทบทวนวิธีการสนับสนุนงบประมาณ กอ.รมน.ภาคสี่ ต่อ บางส่วนของภาคประชาสังคมในพื้นที่ ซึ่ง หน่วยความมั่นคงคงจะคาดการได้ว่า จะยิ่งสร้างสันติสุขหรือสร้างความขัดแย้ง (หมายเหตุคงมาเจาะรายละเอียดในบทความต่อๆไปและสำหรับบทความนี้ฝ่ายรัฐ อาจไม่พอใจหรือไม่อย่างไรก็แล้วแต่ สำหรับเรื่องดีๆท่านก็สานต่อไป แต่อีกมุมที่ไม่ดีท่านควรรับฟังเพื่อสามารถนำไปปรับปรุง เพื่อประเทศชาติต่อไป)
833 total views, 15 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.