พฤศจิกายน 26, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ระเบิด !! สตูล พัทลุง ทำให้คนพื้นที่ สร้างสังคมออนไลน์ สานความรักสามัคคีกลมเกลียว ปกป้องบ้านเมืองตนเอง

แชร์เลย

เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่อำเภอเมืองสตูล และอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เมื่อช่วงดึกของวันที่ 9 จนถึงช่วงสายๆของวันที่ 10 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  โดยมีการนำวัตถุระเบิดมาวางตามสถานที่ต่างๆนับรวมกว่าสิบลูก แม้ว่าจะไม่มีมีผู้ที่ได้รับอันตรายใดๆ มีเพียงทรัพย์สินเสียหายบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลังเกิดเหตุประชาชนในพื้นที่รวมทั้งคนไทยทั่วประเทศที่รับรู้ข่าวสารก็ตื่นตระหนกกันพอสมควร

แต่เมื่อตั้งสติได้ผู้คนทั้งในอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง และในในอำเภอเมือง จังหวัดสตูล ได้มีการเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุระเบิดในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตามร้านกาแฟในตลาด ร้านค้าร้านขาย ไปจนถึงในโลกสังคมออนไลน์ที่เกิดกระแสการปกป้องบ้านเมืองของตนเอง ไม่ว่าจะตามเฟซบุ๊คหรือเพจต่างๆ ที่มีการติดแฮทแทคเช่น #savepakpayoon และ savesatun รวมถึงมีการโพสต์เชิญชวนให้ทุกคนร่วมเป็นหูเป็นตาชี้เบาะแสผู้ที่ก่อเหตุอีกด้วย

“กะห์ณี”  แม่ค้าขายไก่ทอดในตลาดสดอำเภอปากพะยูนบอกว่า “ตั้งแต่เกิดมาจนอายุจะ 50 ปีแล้ว เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ แรกๆก็ตกใจกลัว วิตกกังวล แต่เมื่อตั้งสติได้ก็บอกกับตัวเองว่าจะกลัวไปทำไม ปากพะยูนเป็นบ้านของเรา เราต้องช่วยกันปกป้อง ป้องกัน เป็นหูเป็นตาไม่ให้ใครก็ตามมาสร้างความปั่นป่วนในบ้านของเราอีก” ก๊ะห์ณี พูดอย่างมุ่งมั่นก่อนที่จะห่อไก่ทอดพร้อมข้าวเหนียวหอมเจียว ให้ลูกค้าที่มารอคิวซื้อตามปติ

เช่นเดียวกับ “บังยิด” ซึ่งขายน้ำชาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสตูลก็บอกว่า “คนสตูลอยู่กันมาอย่างสงบอยากเห็นหน้าและอยากถามคนที่นำระเบิดมาวางเหมือนกันว่าทำทำไม? ทำเพื่ออะไร? เพราะคนที่สตูลเขาชอบความสงบสุข ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดๆ ก็ไม่มีความขัดแย้งที่จะมาทำอย่างนี้และตอนนี้บังและเพื่อนๆในตลาดต่างก็บอกต่อๆกันว่าเราจะต้องสอดส่องเป็นหูเป็นตาหากพบคนแปลกหน้ามีพิรุธหรือวัสดุอะไรที่แปลกๆก็จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน” “บังยิด” พูดอย่างมีอารมณ์

นี่คือการกลับตาลปัตรของเหตุการณ์ระเบิดที่คนร้ายหวังทำลายหรือสร้างความตื่นกลัวให้เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสตูลและอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ซึ่งทั้งสองพื้นที่มีความคล้ายคลึงกันคือ มีประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นคนในพื้นที่กลับไม่ตื่นกลัว ตรงกันข้ามเหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียวของคนในชุมชนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือเป็นหูเป็นตาสอดส่องบุคคลและวัตถุต้องสงสัยเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีสร้างเหตุการณ์ซ้ำซ้อนในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก

/////////////////////////รพี  มามะ บรรณาธิการข่าว//////////////////////////

 

 837 total views,  4 views today

You may have missed