วันที่ 5 มิถุนายน 2561 เวลา 14.00 น. ที่ ศูนย์เรียนรู้การแปรรูปอาหารทะเลบ้านตันหยงเปาว์ วิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย หมู่ที่ 4 ตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักประสานนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย ที่ได้ดำเนินการแปรรูปอาหารทะเลในพื้นที่เพื่อสร้างอาชีพ และรายได้สู่ชุมชน ซึ่งเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจประมงพื้นบ้านของโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร กล่าวถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ว่า เป็นการติดตามความก้าวหน้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย ซึ่งทาง ศอ.บต. ที่นำโดยท่านศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ผลักดันพื้นที่แห่งนี้ เพื่อขออนุมัติจากรองนายกรัฐมนตรีจัดสร้างโรงเรือนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อการสร้างงานสร้างรายได้ จนทำให้ในปัจจุบันได้จัดสร้างโรงเรือนนำมาสู่การสร้างอาชีพที่มั่นคง จนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีผู้รู้จักไปทั่วประเทศ ทั้งนี้การผลักดันต่อไปของ ศอ.บต. คือการสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ได้รับการรับรองด้านมาตรฐาน ทั้งมาตรฐาน อย. และมาตรฐานฮาลาล โดยเป้าหมายสูงสุดคือให้เป็นอาหารทะเลอินทรีย์ ที่มีเครื่องมือบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ซึ่งปลายทางที่สำคัญคือต้องเป็นอาหารทะเลเพื่อสุขภาพหรืออาหารออแกนิค โดยในวันที่ 8 มิถุนายนนี้จะนำทีมงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย ไปร่วมงานแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหวังเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงของดีชายแดนใต้และสร้างพื้นที่การรับรู้แก่คนทั่วไปมากยิ่งขึ้น
ด้านนายมูหามะสุกรี มะสะนิง นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้าน จ.ปัตตานี และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย กล่าวว่า จากการที่ ศอ.บต. สนับสนุนและผลักดันที่ดินในการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจจำนวน 3 ไร่ และให้ทุนในการสร้างโรงเรือน เพื่อขยายโรงเรือนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนนั้น ปัจจุบันทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นจำนวน 42 คน สามารถรับซื้อสินค้าที่เป็นปลา กุ้ง และสัตว์น้ำชนิดต่างๆได้ตลอดปี จากการแปรรูปทำให้สินค้าของกลุ่มได้รับความนิยมจากประชาชนภายนอกเป็นอย่างมาก โดยต้นเดือนกรกฎาคมนี้จะมีหน่วยงานมาตรวจสอบเพื่อรับรองให้เป็นอาหารทะเลที่ปลอดสารพิษ
โดยมีมาตรฐานว่าปลาที่จับได้จากน่านน้ำในพื้นที่ต้องปลอดสารพิษเจือปน อีกทั้งเครื่องมือการจับปลาต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยวิถีประมงพื้นบ้าน และที่สำคัญกระบวนการแปรรูปและการเก็บรักษาต้องเป็นแบบอินทรีย์ หรือออแกนิคที่ปลอดสารพิษ ซึ่งเมื่อได้รับการตรวจสอบและรับรองก็จะสามารถจัดเป็นอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ ที่สามารถสร้างตลาดที่กว้างขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งราคาของปลากุเลาก็อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสม เพราะกระบวนการผลิตของกลุ่มใช้ระยะเวลากว่า45 วันในการผลิตปลากุเลาให้มีคุณภาพ ซึ่งต้องมีการนวดเนื้อปลาอย่างสม่ำเสมอทุกวัน โดยกระบวนการดังกล่าวเป็นภูมิปัญญาดั่งเดิม ทำให้เนื้อปลาแน่น และฟูเมื่อทอด รสชาติอร่อย จนปัจจุบันได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวาง
SPMCnews รายงาน
2,012 total views, 4 views today
More Stories
การยางยะลาเพิ่มทักษะการกรีดยางอย่างถูกวิธี ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ในการแข่งขันกรีดยางชิงแชมป์อำเภอเบตง
I SEE THE FUTURE อบจ.ปัตตานี มอบแว่นสายตาแด่น้อง แก้ปัญหาด้านสายตา สู่การพัฒนาด้านการศึกษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
HARD เชื่อมสัมพันธ์ ไทย – มาเลย์ ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ร่วมจัดการแผนความร่วมมือด้านการศึกษา