อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

บทนำ: พลังขับเคลื่อนจากฐานรากในสังคมพหุวัฒนธรรม
จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะทางสังคมเป็น “พหุวัฒนธรรม” ที่มีความเป็นพลวัตสูง ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจำเป็นต้องอาศัยแนวทางที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์และบริบทเฉพาะของพื้นที่
จากผลการวิจัยพบว่า ภาคประชาสังคมเป็นกลไกสำคัญที่มีความเข้าใจ เข้าถึง และสามารถเชื่อมโยงกับชุมชนได้อย่างลึกซึ้ง โดยก่อนหน้านี้ปี 2556 สภาประชาสังคมชายแดนใต้เคยเสนอ และถึงขั้นเขียนร่าง “กองทุนส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้” (กพชต.) หรือ FRDS
“สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ดันการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อกรกฎาคม 2556 อ่านรายละเอียดใน
https://thaingo.in.th/detail/1952)

อย่างไรก็แล้วแต่ แม้ยังไม่มีพ.ร.บ.รองรับ ภาคประชาสังคมชายแดนใต้หลายร้อยองค์กร จนปี 2567 มีการตอบรับเชิงรุกของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ได้ประกาศ “แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570)” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคประชาสังคมใน จชต.
1. การผลักดัน “กองทุนประชาสังคมชายแดนใต้” (กพชต./FRDS): ความฝันของภาคประชาสังคม
สภาประชาสังคมชายแดนใต้ได้ริเริ่มแนวคิดการจัดตั้ง กองทุนส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพชต.) หรือ FRDS มาตั้งแต่ปี 2556 โดยในร่างนั้นมีหลักการและเหตุผลสำคัญที่มองว่า การทำงานของหน่วยงานราชการมีข้อจำกัดในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรชุมชนที่หลากหลายในสังคมพหุวัฒนธรรม
วัตถุประสงค์หลักของ กพชต. (FRDS) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะ:
- ส่งเสริมการฟื้นฟูสิ่งที่ดีงาม สร้างความมั่นคงของมนุษย์ และคืนความเข้มแข็งสู่ชุมชนท้องถิ่น
- ส่งเสริมการพัฒนาในมิติต่างๆ อย่างยั่งยืน (เศรษฐกิจ, สังคม, ความยุติธรรม, การศึกษา, คุณภาพชีวิต, สิทธิสตรี/เด็ก/เยาวชน, วัฒนธรรม, การเมืองการปกครอง)
- ธำรงรักษาอัตลักษณ์ที่ดีงามและส่งเสริมกิจการทางศาสนาทุกศาสนา
- ส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นองค์กรชุมชนที่มีศักยภาพในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน
กล่าวโดยสรุป การจัดตั้งกองทุนนี้มีเจตนารมณ์เพื่อสร้าง กลไกกลาง ที่จะทำหน้าที่เป็น “ตัวขับเคลื่อนจากฐานรากหรือจากล่างสู่บน” ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะปฏิรูปการทำงานของรัฐที่เคยเป็นแบบ “บนสู่ล่าง” มาเป็น “ประชาชนช่วยรัฐทำงานแทน” และเป็นการปูทางไปสู่การเป็นองค์กรอิสระที่เทียบเคียงกับ สสส. ในอนาคต
2. บทบาทการหนุนเสริมของ ศอ.บต. และ “จุดเปลี่ยน” ในการทำงานร่วมกัน
ในช่วงปี 2567–2568 ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงานพัฒนา จชต. ได้แสดงบทบาทเชิงรุกในการเปิดพื้นที่และหนุนเสริมภาคประชาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ “แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570)”
• การประชุมเชิงปฏิบัติการ (19 พฤศจิกายน 2567 และ 10 ธันวาคม 2568):
ศอ.บต. จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจและพัฒนาศักยภาพองค์กรภาคประชาสังคม โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งไทยพุทธและมุสลิม เช่น สมาคมเพื่อความมั่นคงพระพุทธศาสนา, มูลนิธิฮิลาลอะห์มัร, ชมรมประมงพื้นบ้านชาวเลน้ำบ่อ เป็นต้น
• นโยบายการทำงานร่วมกัน:
นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. เน้นย้ำหลักการ “ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการมองภาคประชาสังคมเป็นกลไกที่มี “จิตวิญญาณอันแท้จริง” ในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมโดยไม่แสวงหาผลกำไร
• กรอบแนวทางและจุดเน้น 4 ด้าน (ปี 2569):
ศอ.บต. ได้ประกาศกรอบการขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคประชาสังคมและเครือข่ายเยาวชนกว่า 400 องค์กร โดยเน้น 4 ด้าน ได้แก่
- การแก้ไขปัญหายาเสพติด
- กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์
- การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบฯ โดยใช้กลไกนอกภาครัฐ
- การสร้างความเข้าใจประชาชน ทั้งในและนอกพื้นที่ จชต.
การหนุนเสริมของ ศอ.บต. ในลักษณะนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมเข้ามา “ขับเคลื่อนงานร่วมกับภาครัฐ” ในมิติสำคัญต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ 7 มิติ ผ่านการสนับสนุนงบอุดหนุน สะท้อนให้เห็นว่าแนวคิด “กลไกกลาง” ที่ภาคประชาสังคมเคยเสนอไว้กำลังเกิดขึ้นจริง แม้จะยังไม่เป็นกองทุนอิสระตามร่าง พ.ร.บ.
สรุป: การยกระดับการมีส่วนร่วมสู่สันติภาพ/สันติสุข
การเปลี่ยนผ่านจากข้อเสนอร่าง พ.ร.บ. กองทุนประชาสังคมชายแดนใต้ (FRDS) สู่แผนงานการหนุนเสริมที่ชัดเจนของ ศอ.บต. ช่วงปี 2567–2570 ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการยกระดับความร่วมมือจากบทบาทที่ปรึกษาไปสู่ หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership)
การที่ ศอ.บต. เปิดพื้นที่ให้องค์กรภาคประชาสังคมที่หลากหลายเข้ามาขับเคลื่อนงานตาม “จุดเน้น 4 ด้าน” และ “แผน 7 มิติ” โดยเฉพาะงบอุดหนุนที่เริ่มสอดคล้องกับความต้องการชาวบ้านนั้น เป็นสัญญาณที่ดีว่างานพัฒนากำลังเดินตาม ความต้องการจริงของประชาชน และสร้างการ เรียนรู้ร่วมกัน อย่างยั่งยืน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
-
ยกระดับกลไกการสนับสนุน:
ศอ.บต. ควรพิจารณายกระดับการสนับสนุนภาคประชาสังคมสู่ “กองทุนที่คล่องตัวและเป็นอิสระ” เพื่อให้ทำงานได้เร็ว ไม่ติดข้อจำกัดราชการ ตามเจตนารมณ์ กพชต. (FRDS) -
ส่งเสริมความยั่งยืนขององค์กร:
ควรสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพภายในขององค์กรภาคประชาสังคม เพื่อให้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจุดเน้น 4 ด้าน -
กลไกการวัดผลแบบมีส่วนร่วม:
พัฒนากลไกติดตาม-ประเมินผลที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
หมายเหตุ
จากข้อเสนอพรบ.กองทุนประชาสังคมชายแดนใต้สู่การหนุนเสริมของศอ.บต.
“จุดเปลี่ยนชายแดนใต้กับบทบาทภาคประชาสังคม”
ประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความเข้าใจ “แนวทางการขับเคลื่อนงานร่วมกันระหว่างภาคประชาสังคมและภาครัฐ” ปีที่ 2 ภายใต้
แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570)
เมื่อ 10 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว จังหวัดปัตตานี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
-
สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ดันการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อกรกฎาคม 2556
https://thaingo.in.th/detail/1952 -
ศอ.บต. จับมือภาคประชาสังคม พร้อมเดินหน้าพัฒนาชายแดนใต้ แก้ปัญหาเชิงรุกเพื่อความยั่งยืน เริ่มปี 2567 เป็นปีที่ 1
https://www.sbpac.go.th/home/?p=134497
693 total views, 693 views today

More Stories
ชื่นชมผู้นำ “บ้านโคะ” ผู้ยึดมั่นหลักการอิสลาม: การต่อสู้เพื่อการเลือกตั้งที่ใสสะอาดและคุณธรรม
การบูรณาการบทเรียนอิสลามจากสถานการณ์น้ำท่วม สู่การพัฒนาสมรรถนะการจัดการภัยพิบัติในศตวรรษที่ 21
หนึ่งปีรัฐบาลซีเรียใหม่ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอะห์มัด อัล-ชัรอ์ ภายใต้ความท้าทาย