ธันวาคม 10, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ภัยคุกคามจาก “สมรภูมิข้อมูลข่าวสาร” ไม่ว่าชายแดนใต้หรือเขมร หรือที่ไหน? ในยุคดิจิทัล: ปัญหาและทางออก

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

บทนำ: ยุค AI ปั่นกระแส ข่าวลวงทำลายความจริง
     ปัจจุบัน “สมรภูมิข้อมูลข่าวสาร” (Information Battlefield) ได้กลายเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคดิจิทัล จากการที่เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เข้ามามีบทบาทในการผลิตและเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและไร้การควบคุม เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งภาพน้ำท่วมที่ถูกตกแต่ง หรือภาพสุนัขช่วยแมวหนีน้ำท่วมที่สร้างโดย AI ล้วนชี้ให้เห็นว่า ข้อมูลที่เราได้รับจำนวนมากถูกจงใจสร้างขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง เช่น ความรัก ความเกลียดชัง หรือความโกรธ ทำให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อ ถูกชักจูง และสร้างความขัดแย้งในสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจลุกลามสู่ความรุนแรงในโลกจริงได้

รายละเอียดปัญหา: ข้อมูลบิดเบือน อคติ และทุนนิยมเหนือรัฐ

1. การแพร่กระจายของข่าวลวง (Fake News/Disinformation)

  • เทคโนโลยีเป็นอาวุธ: AI ทำให้การสร้างภาพปลอมหรือเนื้อหาบิดเบือนมีความแนบเนียนสูงมาก จนแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับสิ่งที่ไม่จริง (มะรูฟ เจะบือราเฮง)
  • สงครามข้อมูลในความขัดแย้ง: ในสถานการณ์ความขัดแย้ง เช่น ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ข่าวปลอมและ ปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operations: IO) ถูกใช้เป็น “อาวุธใหม่” เพื่อปลุกขวัญ กำลังใจ บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม และสร้างความเข้าใจผิดอย่างเป็นระบบ เช่น การกล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมี หรือข่าวลือแม่ทัพเสียชีวิต

2. ผลกระทบต่อสังคมและประชาธิปไตย

  • ห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber): ผู้คนมักรับข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิมของตนผ่านอัลกอริทึม ทำให้สังคมแบ่งขั้ว (Sweta Madhuri Kannan)
  • ความแตกแยกทางความคิด: ข้อมูลที่มากและซับซ้อนทำให้ความคิดของแต่ละคนไม่นิ่ง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงออนไลน์ เช่น การ “ทัวร์ลง” หรือใช้ถ้อยคำสนับสนุนการทำร้ายกัน ซึ่งง่ายกว่าการรวมตัวเพื่อช่วยเหลือในโลกจริง (รศ.เอกรินทร์ ต่วนศิริ, ผศ.ดร.กุสุมา ภูใหญ่)
  • อคติและพีระมิดแห่งความเกลียดชัง: ข่าวลวงมักเล่นกับอคติ (Bias) ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะประเด็นละเอียดอ่อนอย่างศาสนาหรือเชื้อชาติ (กรณีชายแดนใต้) ซึ่งเป็น “พื้นฐาน” สำคัญที่ผลักดันการกระทำจากแค่การคิดไปสู่การเหยียดหยามรังแก จนถึงขั้นสูงสุดคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (ผศ.ดร.ยาสมิน ซัตตาร์)

3. ความอ่อนแอของกลไกกำกับดูแล

  • สื่อกระแสหลักอ่อนแอ: สื่อมวลชนจำนวนมากต้องพยายามปรับตัวเพื่อรักษาเรตติ้ง ทำให้ไม่สามารถสู้กับความเร็วของข่าวลวงได้ทัน (ผศ.ดร.กุสุมา ภูใหญ่)
  • ทุนนิยมเหนือรัฐ: องค์กรกำกับดูแลไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เนื่องจากบางกรณีถูกครอบงำด้วย “ทุนนิยมเหนือรัฐ” ทำให้เกิดการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารที่เป็นไปในทิศทางเดียว ขาดความหลากหลายและการแข่งขันที่แท้จริง (รศ.เอกรินทร์ ต่วนศิริ)

ข้อเสนอแนะ: การสร้างภูมิคุ้มกันและการทำงานร่วมกัน

  • การศึกษาเพื่อพลเมืองดิจิทัล:

    • ลงทุนในการศึกษาภาคพลเมือง (Civic Education) และการรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) เพื่อสอนให้ประชาชนมีวิจารณญาณ และรู้จักคิดวิเคราะห์ ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล (เยอรมนี/Sweta Madhuri Kannan)

  • การสร้างระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checking):

    • ภาครัฐ สื่อ และประชาสังคมต้องร่วมกันสร้างระบบการตรวจสอบข้อมูล (Fact Checking) อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เพื่อให้ความจริงปรากฏและตอบโต้ข่าวลวงอย่างรวดเร็วและทันท่วงที (ปฏิญญาปัตตานี/CoFact)

  • การเปิดพื้นที่กลางและการลดความเกลียดชัง:

    • สร้างพื้นที่กลางเพื่อการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างผู้คนในสังคม
    • ส่งเสริมให้ทุกฝ่ายกล้าวิพากษ์วิจารณ์ และห้ามปรามคนในฝั่งตนเองหากมีการเผยแพร่ Fake News เพื่อลดอคติและความเกลียดชังที่นำไปสู่ความรุนแรง
  • ความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มและรัฐ:

    • รัฐบาลไม่ควรปิดกั้น หรือควบคุมข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มงวด แต่ควรเน้นที่การป้องกัน ไม่ให้ข้อมูลมาทำร้ายสังคมผ่านการเปิดกว้าง (Sweta Madhuri Kannan)
    • แพลตฟอร์มต้องมีมาตรการในการลดการเกิดขึ้นและสกัดกั้นการแพร่กระจายของข่าวลวงอย่างรวดเร็ว (ปฏิญญาปัตตานี)
    • รัฐต้องตอบโต้เร็ว ชัดเจน และเชื่อถือได้ ในทุกสถานการณ์เพื่อรักษาภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีโลก

นอกจากนี้ ผู้เขียนยังจำข้อเสนอแนะที่เรียกว่า ปฏิญญาปาตานีเพื่อลดปัญหาข่าวลวงข่าวปลอมที่เกิดขึ้น อย่างเต็มกำลังและศักยภาพ ดังนี้

     1. ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือซึ่งกันและกัน ในภาคีเครือข่ายทั้งภาคประชาสังคม ภาครัฐ ภาควิชาการ สื่อท้องถิ่น และสถาบันศาสนา เพื่อสร้างความตื่นตัว สนใจในข้อมูลข่าวสาร ทั้งที่ใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน และข่าวที่เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะร่วมกันทำงานเพื่อรับมือ ติดตาม ตรวจสอบ รายงาน เผยแพร่ข้อเท็จจริงในด้านต่างๆ และรวมพลังต่อต้านข่าวลวงในทุกระดับของสังคม

    2. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายและประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้ความเข้าใจในการรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสาร สื่อสารสนเทศและดิจิตอล เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อปัญหาข่าวลวง เพื่อลดอคติและความเกลียดชัง พัฒนาประชาชนไปสู่ความเป็นพลเมืองดิจิตอล อันนำไปสู่การสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสันติภาพ

    3. พัฒนากระบวนการ รูปแบบการทำงานและนวัตกรรม ตลอดจนเครื่องมือหรือกลไกเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมข่าวลวงอย่างมีส่วนร่วม

    4. เพิ่มพื้นที่กลางเพื่อการสื่อสารความจริงอย่างสร้างสรรค์และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างผู้คนในสังคม

    5. สนับสนุนการรวมพลังเพื่อผลักดันให้แพลตฟอร์มต่างๆ มีมาตรการในการลดการเกิดขึ้นของข่าวลวง ร่วมสกัดกั้นการแพร่กระจายของข่าวลวงอย่างรวดเร็ว

    หากสามารถทำตามปฏิญญานี้ได้ “ด้วยความเชื่อมั่นและมุ่งมั่นในการร่วมสร้างสื่อ และการสื่อสารเพื่อสร้างสังคมสันติสุขอย่างยั่งยืนและจะสามารถลดความเกลียดชังระหว่างกันได้”

สรุป
     สมรภูมิข้อมูลข่าวสาร คือความท้าทายด้านความมั่นคงสมัยใหม่ที่ทุกประเทศต้องเผชิญ ข่าวลวงและ AI ได้กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ ที่บั่นทอนความไว้วางใจ ทำลายความสามัคคี และกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงออนไลน์ที่อาจลุกลามสู่โลกจริงได้ การเอาชนะในสมรภูมินี้ทำได้ด้วยการสร้าง “ภูมิคุ้มกันข้อมูล” ให้กับประชาชนผ่านการศึกษา การสร้างระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่เข้มแข็ง และการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน ตั้งแต่รัฐบาล สื่อมวลชน ไปจนถึงแพลตฟอร์มดิจิทัล และพลเมืองทุกคน ทำงานร่วมกัน เพื่อรับมือกับมหันตภัยนี้อย่างมีสติและรับผิดชอบ

-หมายเหตุปฏิญญาดังกล่าวจาก
     กิจกรรมแฮ็กกาธอนเพื่อศึกษาสถานการณ์ข่าวลวงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (Deep South”s Fake News Situation Report) และเวทีสานเสวนานักคิดดิจิตอล เฟกนิวส์กับภัยคุกคามต่อการสร้างสันติภาพ ร่วมจัดและสนับสนุนโดย ดิจิตอลเพื่อสันติภาพ Digital 4 Peace สภาประชาสังคมชายแดนใต้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มูลนิธิฟรีดริช เนามัน Fnf Thailand และ Centre for Humanitarian Dialogue (HD)

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ห้องสะบารัง 2 โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี

 273 total views,  273 views today

You may have missed