โดย: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

หาดใหญ่, 5 ธันวาคม 2568 — หลังมหาอุทกภัย การฟื้นฟูหาดใหญ่ได้ก่อให้เกิดปฏิบัติการคู่ขนานที่สำคัญจากภาคประชาชน โดยมีหลักการร่วมกันคือ “ร่วมด้วยช่วย เพื่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าพุทธ มุสลิม เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด” นอกจาก War Room ภาคประชาชน ซึ่ง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ สะท้อนว่า มุ่งเน้นการจัดการโลจิสติกส์และการเข้าถึงชุมชนคนจนเมืองแล้ว ภาคีเครือข่ายมุสลิมยังได้จัดตั้งกลไกเฉพาะกิจเพื่อรับมือกับวิกฤตด้านสุขอนามัยและพิธีการทางศาสนาอีกด้วย

War Room พุทธ-มุสลิม: ปัญหา “งานช้าง” สองด้าน
นพ.สุภัทร ย้ำถึงความจำเป็นของการมี “War Room ภาคประชาชน” (ตั้ง ณ สถาบันสันติศึกษา ม.อ.) เพื่อ “Matching” ความต้องการของชุมชนกับทรัพยากรบริจาค และเร่ง “เติมเต็มในส่วนที่รัฐตกหล่น” โดยเฉพาะภารกิจสำคัญที่สุดคือ การขนขยะออกจากซอย ที่ภาครัฐยังเข้าไม่ถึง
บทเรียนสำคัญที่ต้องจัดการเร่งด่วน คือ ปัญหาการขนขยะออกจากซอย ที่กองบัญชาการภาครัฐมักเน้นพื้นที่เศรษฐกิจใจกลางเมือง ทำให้ขยะในซอกซอยและพื้นที่คนจนเมืองตกค้างอยู่ สร้างความเสี่ยงด้านโรคภัย
ในขณะเดียวกัน ทีมงานจาก มูลนิธิคนช่วยฅน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายมุสลิมในพื้นที่ ได้สะท้อนปัญหาสำคัญอีกด้านที่ต้องการการจัดการอย่างเป็นระบบเช่นกัน คือ การจัดการศพมุสลิมในภาวะวิกฤต
ปฏิบัติการศาสนา: จุฬาราชมนตรีสั่งตั้ง “ศูนย์จัดการศพมุสลิมจากมหาอุทกภัย”
เพื่อรับมือกับความสูญเสียในสถานการณ์วิกฤต นายอิสมาแอน หมัดอะด้ำ ประธานมูลนิธิคนช่วยฅน และรองประธานสภาเครือข่ายฯ สำนักจุฬาราชมนตรี ได้เปิดเผยถึงการตอบรับคำสั่งของ ท่านจุฬาราชมนตรี ในการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการจัดการศพมุสลิมจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่”
ภารกิจหลักของศูนย์ประสานงานฯ คือ:
-
รับเรื่องผู้เสียชีวิต/สูญหาย: ประสานหน่วยงานราชการเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ และรวบรวมข้อมูลผู้สูญหาย
-
อำนวยความสะดวกการจัดการศพ: ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (กอจ.) และหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม
-
ปฏิบัติการในภาวะวิกฤต: ปฏิบัติตาม “แนวทางปฏิบัติการทำพิธีทางศาสนาสำหรับศพมุสลิมกรณีจมน้ำ” เพื่อผสานหลักศาสนาเข้ากับมาตรการสุขอนามัย
กอจ.สงขลา จับมือ รพ.หาดใหญ่-มอ. เน้นความปลอดภัยและหลักศาสนา
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ศูนย์ประสานงานช่วยผู้ประสบอุทกภัย กอจ.สงขลา นำโดย ฮัจยีศักดิ์กรียา บิลแสละ ได้เข้าพบผู้บริหาร รพ.หาดใหญ่ และ รพ.สงขลานครินทร์ เพื่อยืนยันการสนับสนุนการจัดการศพชาวมุสลิม โดยเน้นย้ำถึง “อามานะฮฺ” (ความรับผิดชอบ) อันยิ่งใหญ่ในการดูแลเพื่อนมนุษย์
หลักปฏิบัติสำคัญตามแนวทางจุฬาราชมนตรีในภาวะวิกฤต: -
การอาบน้ำศพ (มุซล์): หากสภาพศพเปื่อยยุ่ย/เปราะบาง อาจพิจารณาให้ใช้ ตะยัมมุม (ทำความสะอาดด้วยดิน) แทน หรืออาบน้ำอย่างระมัดระวัง
-
การห่อศพ (กะฟั่น): ใช้ผ้าขาวตามหลักศาสนา แต่ ต้องใส่ในถุงซิปศพ (Body bag) อีกชั้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โดยย้ำว่าถุงศพมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันเชื้อโรค ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนหลักการศาสนา
-
มาตรการสุขาภิบาล: ผู้ปฏิบัติงานต้องสวม ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ครบชุด และห้ามปล่อยน้ำทิ้งจากการอาบน้ำศพลงแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างเด็ดขาด
การประสานงานอันแข็งแกร่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึง เอกภาพในยามวิกฤต ของภาคประชาชนหาดใหญ่ ที่ทำงานอย่างมีระบบและบูรณาการ โดยมีการแบ่งงานกันชัดเจนระหว่าง War Room ที่เน้นการฟื้นฟูทางกายภาพ/โลจิสติกส์ กับ ศูนย์ประสานงานศาสนา ที่เน้นการดูแลด้านพิธีกรรมและสุขอนามัยในมิติที่ละเอียดอ่อน
#Supat #น้ําท่วมหาดใหญ่2568 #แพทย์ชนบท
432 total views, 432 views today

More Stories
จุฬาราชมนตรี: ผู้นำสองสถานะในวิกฤต “มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568” ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ
เจาะลึกคุตบะห์ญุมอะห์จะนะ: “ป่าคอนกรีต” สู่มัสยิดศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ
“เท่าเทียมเป็นธรรม ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน สามัญหรือศาสนา”: ข้อเสนอจากสมาคมฯ ภาคใต้ ชี้เป้าบทบาท ศธ. ในการฟื้นฟูการศึกษาหลังน้ำท่วม