โดย: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

จะนะ สงขลา – ธรรมเทศนาวันศุกร์ (คุตบะห์ญุมอะห์) ณ มัสยิดกลางจะนะ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 ได้เผยแพร่บทเรียนที่เข้มข้นจาก “มหาอุทกภัยจะนะรอบ 100 ปี” โดยผู้เขียนชี้ว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็น “สัญญาณเตือนจากอัลลอฮ์” และผลจากการกระทำของมนุษย์ (อ้างอิง อัล-รูม: 41) พร้อมเสนอวิสัยทัศน์ให้ “มัสยิด” สามารถเป็นศูนย์กลางการจัดการภัยพิบัติด้วยตนเองเบื้องต้นก่อนความช่วยเหลือของรัฐ เพื่อลดความสูญเสีย
1. บทเรียนจากการทำลายสมดุลธรรมชาติ
คุตบะห์ฯ เน้นย้ำว่า ความเสียหายที่ทวีความรุนแรงในจะนะเป็นผลมาจากการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะการทำลาย พื้นที่รับน้ำธรรมชาติ (แก้มลิง) เพื่อแลกกับ “ป่าคอนกรีต” เมื่อบวกการผิดศีลผิดธรรมผิดหลักการอิสลามอย่างกว้างขวางโจ่งแจ้ง ก็ยิ่งไปกันกันใหญ่
-
โครงสร้างขวางทางน้ำ: การถมที่ดินเพื่อสร้าง โรงไฟฟ้าจะนะ และ โรงแยกแก๊ส TTM รวมถึงการสร้าง ถนนสี่เลน (ทางหลวง 43/4085) ทำหน้าที่เป็น “กำแพงกั้นน้ำ” ทำให้มวลน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่อื่นอย่างรวดเร็วและท่วมขังยาวนาน
-
วิถีดั้งเดิมถูกทำลาย: การพัฒนาได้ทำลายภูมิปัญญา “อยู่ร่วมกับน้ำ” ของชาวบ้านที่เคยปลูกบ้านยกสูง และเน้นการถมที่ดินเพื่อความเจริญ
-
ความสูญเสียในมิติสำคัญ: น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อ ศูนย์กลางการศึกษาอิสลาม (ปอเนาะ) และ เศรษฐกิจ “เมืองนกเขาชวาอาเซียน”
-
เสียงเตือนที่ถูกมองข้าม: ภัยพิบัติครั้งนี้ตอกย้ำความถูกต้องของข้อกังวลที่ชาวบ้านจะนะคัดค้านโครงการขนาดใหญ่ (เช่น นิคมอุตสาหกรรม) มาตั้งแต่ปี 2540 เนื่องจากกังวลเรื่อง ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก
2. ข้อเสนอ: มัสยิดสู่ศูนย์กลาง “Self-Reliance”
ธรรมเทศนาได้สะท้อน “วิกฤตฝีมือมนุษย์” ในการบริหารจัดการภัยพิบัติของภาครัฐ ที่ขาดความพร้อมและความไม่เป็นธรรมในการกระจายความช่วยเหลือ โดยจะนะได้รับความสนใจน้อยกว่าพื้นที่อื่น
ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดในยามวิกฤต คุตบะห์ฯ จึงเสนอให้มัสยิดสามารถเป็น “ศูนย์บัญชาการชั่วคราวและศูนย์พักพิงฉุกเฉิน” ที่สามารถจัดการตนเองเบื้องต้น (Self-Reliance) ก่อนการพึ่งพาภายนอก ซึ่งถือเป็น หน้าที่ทางศาสนา และ ความจำเป็นทางปฏิบัติ
แนวทางปฏิบัติที่มัสยิดอาจจะต้องเตรียมพร้อม:
| มิติ | การดำเนินการ |
|---|---|
| กายภาพ | จัดตั้งทีมอาสาสมัครกู้ภัย/ปฐมพยาบาล, สำรองเสบียงฉุกเฉิน |
| องค์กร | กำหนดแผนปฏิบัติการ (SOP), ให้มัสยิดเป็นศูนย์บัญชาการ |
| จิตวิญญาณ | ให้กำลังใจ, ย้ำเตือนความอดทน (ศ็อบร์) และความศรัทธาต่อพระประสงค์ |
3. สู่การเลือก “ความยั่งยืน”
คุตบะห์ฯ สรุปว่า มหาอุทกภัยคือโอกาสให้ชุมชน “กลับเนื้อกลับตัว” ร่วมรณรงค์ทำในสิ่งที่ดี ละเว้นในสิ่งที่ชั่ว และต้องเลือกอย่างจริงจังระหว่าง “การพัฒนาอย่างปัจจุบัน” กับ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยมีทางออกคือการ ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศการจัดการน้ำดั้งเดิมของจะนะ ควน ป่า นา เล เพื่อลดความสูญเสียต่อชาวบ้านคนตัวเล็กตัวน้อย
359 total views, 359 views today

More Stories
จุฬาราชมนตรี: ผู้นำสองสถานะในวิกฤต “มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568” ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ
จิตอาสาภาคประชาชน: เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด “เติมเต็มช่องว่างที่รัฐตกหล่น”
“เท่าเทียมเป็นธรรม ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน สามัญหรือศาสนา”: ข้อเสนอจากสมาคมฯ ภาคใต้ ชี้เป้าบทบาท ศธ. ในการฟื้นฟูการศึกษาหลังน้ำท่วม