อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568 อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในจังหวัดสงขลา ผ่านผู้นำศาสนา ไม่ว่า มุสลิม พุทธ ที่ศาลาประชาคมอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งมี พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและคณะ รวมทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอามีน มะยูโซ๊ะ หากติดตามข่าวสารตั้งแต่มหาอุทกภัยหาดใหญ่และภาคใต้ เราได้เห็นบทบาทท่านและคณะสะท้อนว่า “จุฬาราชมนตรีนั้นเป็นผู้นำสองสถานะในวิกฤต ‘มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568’ ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ” กล่าวคือ
จุฬาราชมนตรี ในฐานะผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของประเทศไทย และประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มี “สถานะผู้นำสองทาง (Dual Status)” ที่มีความสำคัญต่อสังคมไทยโดยรวม ไม่ใช่เฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น ในสถานการณ์ มหาอุทกภัยภาคใต้ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2568 อาจารย์อรุณ บุญชม (จุฬาราชมนตรี) ได้แสดงบทบาทในการบริหารจัดการวิกฤตที่ครอบคลุมทั้งมิติกายภาพ ศาสนา กฎหมาย และจิตวิญญาณอย่างเป็นระบบ
1. การบัญชาการและบูรณาการการจัดการวิกฤตภัยพิบัติ
บทบาทแรกคือการตอบสนองต่อภัยพิบัติอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ โดยใช้กลไกขององค์กรศาสนาอิสลามทั่วภาคใต้
-
จัดตั้ง “ศูนย์รับเรื่องผู้ประสบอุทกภัย” 8 จังหวัด: ภายใต้คำสั่งที่ ๒๗/๒๕๖๘ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ฯ ครอบคลุมพื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด คือ สงขลา, สตูล, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส, พัทลุง, ตรัง, และนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นกลไกในการบรรเทาทุกข์และประสานงานกับภาครัฐ โดยเน้นย้ำว่า “ศพมุสลิมมิใช่มีเฉพาะหาดใหญ่” แต่มีผลกระทบในวงกว้าง
-
ภารกิจเร่งด่วน: การจัดการศพ (มัยยิต): ศูนย์ฯ มีภารกิจหลักในการจัดการผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายตามหลักศาสนาอิสลาม (หุรุมะตุล มัยยิต – حرمة الميت หรือการให้เกียรติศพ) มีการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานจัดการศพมุสลิม (ชั่วคราว)” และเปิด “แบบสำรวจข้อมูลแจ้งศพผู้สูญหาย” เพื่ออำนวยความสะดวกให้ญาติ
-
แนวทางการทำพิธีอย่างเคร่งครัดและปลอดภัย: ได้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับศพที่จมน้ำและอาจเปื่อยยุ่ย เช่น การอนุญาตให้ทำ ตะยัมมุม (ทำความสะอาดโดยใช้ดิน) แทนการอาบน้ำหากไม่สามารถทำได้ และการใช้ ถุงซิปศพ (Body bag) เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โดยย้ำว่าถุงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ด้านสาธารณสุขและไม่ได้ขัดกับหลักศาสนา
-
2. การประสานงานระหว่างหลักศาสนาและหลักนิติวิทยาศาสตร์
จุฬาราชมนตรีมีบทบาทสำคัญในการหาจุดสมดุลระหว่างหลักการทางศาสนาอิสลามที่เน้นการฝังศพโดยเร็ว กับหลักกฎหมายบ้านเมืองที่ต้องการการพิสูจน์เพื่อความยุติธรรมและสิทธิในการรับเงินเยียวยา
-
ข้อผ่อนผันทางศาสนาเพื่อความยุติธรรม: การดำเนินการนี้อ้างอิงหลัก ข้อผ่อนผัน (ฎอรู่เราะฮ์ – ضرورة) ทางศาสนา ตามแนวทางในหนังสือ “แนวทางการตรวจชันสูตรศพตามกระบวนการทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ตามหลักศาสนาอิสลาม” โดยมีทัศนะว่า
-
การชันสูตรหรือแม้กระทั่งการขุดศพ หากจะทำในกรณีจำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น เพื่อรักษาความยุติธรรมและสิทธิของผู้ตาย เช่น เพื่อพิสูจน์สาเหตุการตาย อันเนื่องจากกฎระเบียบเพื่อยืนยันสิทธิเงินเยียวยา รายละ 2 ล้านบาท ซึ่งสำนักจุฬาราชมนตรีเคยทำคู่มือ (อ่านเพิ่มเติมใน https://share.csitereport.com/share2024.php?post_id=52555)
-
3. บทบาทเยียวยาจิตใจและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
นอกจากการจัดการทางวัตถุและกฎหมายแล้ว การเยียวยาจิตใจ (เยียวยาจิตใจ สำคัญไม่แพ้เยียวยาทางวัตถุ) และการสร้างความสมานฉันท์ก็เป็นภารกิจหลัก
-
การปลอบขวัญโดยไม่เลือกศาสนา: ในพิธีมอบเงินช่วยเหลือที่ศาลาประชาคมอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา (วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568) จุฬาราชมนตรีได้มอบความช่วยเหลือผ่านผู้นำศาสนา ไม่ว่ามุสลิมหรือพุทธ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำหลักการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกปฏิบัติ
-
การย้ำเตือนหลักความอดทนและศรัทธา: ท่านได้ย้ำเตือนว่าอุทกภัยเป็น บทเรียนสำหรับผู้ศรัทธา โดยอ้างอิงพระดำรัสจากคัมภีร์อัลกุรอาน (ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ 155-157) ที่สอนให้ผู้ประสบเคราะห์ร้ายกล่าวว่า
“แท้จริงพวกเราเป็นของอัลลอฮ์ และแท้จริงพวกเราต้องกลับไปยังพระองค์”
ถ้อยคำนี้มอบความสงบทางจิตวิญญาณและความเข้มแข็งในการรับมือกับความสูญเสีย
4. การสานต่องานในฐานะผู้นำเพื่อสังคมพหุวัฒนธรรม
การแสดงบทบาทในวิกฤตนี้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาองค์กรอิสลามในสังคมสมัยใหม่ ซึ่งต้องเป็นผู้นำที่ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างศาสนาและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เช่น การสานต่องานด้าน
-
การส่งเสริมสายกลาง (วะสะฏียะฮ์): ผ่านการทำงานของ สถาบันวะสะฏียะฮ์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักศาสนา
-
งานมนุษยธรรม: ผ่าน สภาเครือข่ายด้านมนุษยธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา
-
เศรษฐกิจชุมชน: ส่งเสริมระบบ ซะกาต และการจัดตั้งสถาบันการเงินอิสลามเพื่อเป็นที่พึ่งพาของชุมชน
โดยสรุป บทบาทของจุฬาราชมนตรีในภารกิจนี้เป็นเครื่องยืนยันถึง “สถานะผู้นำสองทาง” ที่สามารถเป็นทั้งผู้นำทางศาสนาในการจัดการพิธีกรรมที่ละเอียดอ่อน และเป็นผู้นำทางสังคมในการประสานงานกับรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะและความสมานฉันท์ในสังคมพหุวัฒนธรรม
644 total views, 644 views today

More Stories
จิตอาสาภาคประชาชน: เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด “เติมเต็มช่องว่างที่รัฐตกหล่น”
เจาะลึกคุตบะห์ญุมอะห์จะนะ: “ป่าคอนกรีต” สู่มัสยิดศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ
“เท่าเทียมเป็นธรรม ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน สามัญหรือศาสนา”: ข้อเสนอจากสมาคมฯ ภาคใต้ ชี้เป้าบทบาท ศธ. ในการฟื้นฟูการศึกษาหลังน้ำท่วม