โดย: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

ท่ามกลางสถานการณ์ มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ที่นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ วิกฤตไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการดำเนินชีวิตของผู้รอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึง ภารกิจอันละเอียดอ่อนและเร่งด่วนที่สุดประการหนึ่ง นั่นคือ การจัดการศพผู้เสียชีวิตชาวมุสลิม ซึ่งต้องผสานระหว่างหลักการทางศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด เข้ากับมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การบูรณาการศาสนาและสาธารณสุข: แนวทางจาก War Room ภาคประชาชน
“War Room ภาคประชาชน น้ำท่วมใต้” ของ ThaiPBS ได้ชูประเด็นการจัดการศพมุสลิมจากผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำเป็นวาระเร่งด่วน โดยได้รับคำแนะนำและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนจาก สำนักจุฬาราชมนตรี

นายอิบรอเฮม หวันแหละ นักวิชาการชาวจะนะ ซึ่งรับผิดชอบทีมจัดการศพใน War Room ได้เน้นย้ำว่า การดำเนินการทั้งหมดต้องยึดตาม แนวทางปฏิบัติการทำพิธีทางศาสนาสำหรับศพมุสลิมกรณีจมน้ำ (ตามประกาศสำนักจุฬาราชมนตรี) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าศพจะได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักการทางศาสนาอิสลาม (อิสลาม) และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในภาวะน้ำท่วม
หลักปฏิบัติในพิธีศพมุสลิมท่ามกลางวิกฤต
แนวทางที่กำหนดโดยสำนักจุฬาราชมนตรี ได้ปรับให้เข้ากับสภาพศพที่อาจเปื่อยยุ่ยหรือเปราะบางจากการจมน้ำ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
-
การอาบน้ำศพ (มุซล์):
- สภาพปกติ: อาบน้ำตามขั้นตอนปกติและเช็ดตัว
- สภาพเปื่อยยุ่ย/เปราะบาง: ให้อาบน้ำอย่างเดียว ไม่ต้องเช็ดตัว
- ไม่สามารถอาบน้ำได้: ให้ทำ ตะยัมมุม (การทำความสะอาดโดยใช้ดิน) แทน
-
การห่อศพ (กะฟั่น): ใช้ผ้าขาวตามจำนวนชั้นของศาสนา (ชาย 3 ชั้น, หญิง 5 ชั้น) จากนั้นให้ ใส่ในถุงซิปศพ (Body bag) อีกชั้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โดยเน้นย้ำว่าการใส่ถุงศพนั้น “เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนหลักการศาสนา”
-
การฝังศพ: ต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดในพื้นที่ฝังที่ ไม่มีน้ำขังและไม่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำ

มาตรการความปลอดภัยและสุขาภิบาลที่เข้มงวด
ผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องสวม ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ครบชุด อย่างเคร่งครัด รวมถึงการจัดพื้นที่อาบน้ำศพให้มีการระบายน้ำอย่างถูกสุขาภิบาล ห้ามปล่อยน้ำทิ้งลงแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
“อามานะฮฺ” อันยิ่งใหญ่: ภารกิจจากใจของ “อิสมาแอน หมัดอะด้ำ”
นายอิสมาแอน หมัดอะด้ำ ประธานมูลนิธิคนช่วยฅน และรองประธานสภาเครือข่ายฯ สำนักจุฬาราชมนตรี ได้เปิดใจถึงภารกิจนี้ว่าเป็น “อามานะฮฺ” หรือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ตามคำสั่งของท่านจุฬาราชมนตรี
“ชีวิตเรามาจากดิน เรากลับไปสู่ดิน ก่อนที่จะกลับเราต้องเก็บสะสมสเบียงแห่งความดีไว้ให้มากที่สุด อย่างสุดกำลัง”
นายอิสมาแอนสะท้อนถึงหลักการศรัทธาที่ผลักดันให้มูลนิธิฯ เข้าช่วยเหลือ แม้จะเคยผ่านประสบการณ์หนักหน่วงจากการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาแล้วกว่า 300 ศพ โดยมองว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยามวิกฤตคือการสะสมเสบียงแห่งความดีอันประเสริฐ
เมื่อ “อุปสงค์สูงกว่าอุปทาน”: การเรียกร้องพลังสนับสนุน
ภารกิจจัดการศพในภาวะวิกฤตนี้เผชิญกับความไม่สมดุล เนื่องจาก “วันนี้อุปสงค์สูงกว่าอุปทาน” นายอิสมาแอนจึงได้เรียกร้องไปยังทุกภาคส่วนให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
- ผู้ศรัทธาที่มีอุดมการณ์เดียวกัน: ให้เข้ามาร่วมเป็นกำลังพลเพื่อเติมเต็ม
- ผู้ที่มีกำลังสนับสนุน: ให้สนับสนุนเครื่องไม้ เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อสร้างความพร้อมให้กับทีมงาน
การทำงานของ War Room ภาคประชาชน และมูลนิธิคนช่วยฅน ภายใต้แนวทางที่ชัดเจนของสำนักจุฬาราชมนตรีนี้ จึงเป็นแบบอย่างของการจัดการวิกฤตที่ต้องคำนึงถึงทั้ง มิติทางศาสนา จิตวิญญาณ และความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ไปพร้อมกัน สะท้อนถึงหัวใจของการดูแลเพื่อนมนุษย์อย่างเท่าเทียมและมีคุณค่า ในยามที่สังคมเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่
306 total views, 306 views today

More Stories
จุฬาราชมนตรี: ผู้นำสองสถานะในวิกฤต “มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568” ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ
จิตอาสาภาคประชาชน: เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด “เติมเต็มช่องว่างที่รัฐตกหล่น”
เจาะลึกคุตบะห์ญุมอะห์จะนะ: “ป่าคอนกรีต” สู่มัสยิดศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ