โดย: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะทางการเมืองภายในพรรค แต่บทบาทของ นายกัณวีร์ สืบแสง ในฐานะนักเคลื่อนไหว นักสิทธิมนุษยชน และผู้แทนราษฎร ยังคงถูกจดจำและขับเคลื่อนด้วยหลักการที่เขายึดมั่นมาตลอดชีวิตการทำงาน นั่นคือ #มนุษยธรรมนำการเมือง (Humanitarianism Before Politics) บทความนี้ขอเป็นกำลังใจและตอกย้ำว่า ภารกิจในการสร้างความเป็นธรรมภายใต้หลักการนี้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าตำแหน่งทางการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม
รากฐานที่แข็งแกร่ง: ประสบการณ์จากวิกฤตสู่การเมือง
นายกัณวีร์ สืบแสง ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองไทยพร้อมกับประสบการณ์ 12 ปี ใน UNHCR ในพื้นที่วิกฤตถึง 8 ประเทศ ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เขามองเห็นความบกพร่องของ “รัฐราชการ” และตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้การเมืองเพื่อ ปลดปล่อย และ เสริมอำนาจ ให้กับคนตัวเล็กตัวน้อย หลักการทำงานของเขาจึงมีแกนกลางอยู่ที่ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการมอง ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
“การทำงานด้านมนุษยธรรมเป็นการทำงานในภาวะฉุกเฉิน การใช้หลักมนุษยธรรมนำการเมืองแสดงว่าการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินแล้ว”
ภารกิจเพื่อความเป็นธรรมในจะนะและชายแดนใต้
ภารกิจสร้างความเป็นธรรมของนายกัณวีร์ได้ปรากฏชัดเจนในประเด็นปัญหาสำคัญระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการยืนเคียงข้างภาคประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้
จะนะ: จากนิคมฯ สู่ SEA แผนพัฒนาที่ยั่งยืน
นายกัณวีร์ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฏหมายฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และ เครือข่ายโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจะนะ เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมในโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ทั้งกรณี “การออกโฉนดที่ดินสาธารณะโดยมิชอบ” และ “ความไม่โปร่งใสของเงิน 12 ล้านบาท”
การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการพัฒนาที่ขาดการมีส่วนร่วมนี้ ได้ส่งผลให้เกิดการทบทวนครั้งสำคัญ และนำมาซึ่งการศึกษา การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ในพื้นที่สงขลา-ปัตตานี ซึ่งถือเป็น บทเรียนเชิงบวก ที่ตอกย้ำหลักการที่เขาเชื่อ:
บทเรียน SEA สงขลา-ปัตตานี: โครงการ SEA นี้ประสบความสำเร็จด้วย “การมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง” มีการรับฟังความคิดเห็นกว่า 70 เวที จากผู้คนกว่า 4,000 คน ซึ่งผลักดันให้เกิดแผนแม่บทการพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางวัฒนธรรม บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาที่ถูกต้องต้องมาจากการ “ยอมรับเสียงของประชาชน” ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น

สันติภาพกินได้: การสร้างรากฐานที่ยั่งยืน
สำหรับปัญหาชายแดนใต้ แนวคิด “สันติภาพกินได้” ของนายกัณวีร์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเน้นการ กระจายอำนาจ ให้ชุมชนจัดการตนเอง ลดบทบาทอำนาจทหาร และให้ วิถีชีวิตนำการพัฒนา เพื่อให้เศรษฐกิจที่มั่นคงสามารถสร้างสันติสุขได้ในระยะยาว
ข้ามพรมแดน: ผู้ลี้ภัยและหลักการสากล
ความมุ่งมั่นในหลักมนุษยธรรมของ สส. กัณวีร์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่ขยายไปถึงวิกฤตผู้ลี้ภัยระดับโลก เช่น โรฮิงยา และ อุยกูร์
โรฮิงยา: เสนอให้ไทยยกระดับการจัดการปัญหาจากแค่ “การจับ ขัง และรอการส่งกลับ” ไปสู่การยอมรับปัญหาค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ และใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อผลักดันสถานะไทยในรายงาน TIP Report สู่ Tier 1
อุยกูร์: วิพากษ์วิจารณ์การส่งกลับผู้ลี้ภัยอย่างลับๆ โดยขาดหลักฐานความสมัครใจ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชน และเรียกร้องให้รัฐบาลยึดหลักการสากลเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืน (Resettlement)
มนุษยธรรมคือภารกิจตลอดไป
แม้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่หลักการ “มนุษยธรรมนำการเมือง” คือภารกิจที่ติดตัวนายกัณวีร์ สืบแสง อย่างถาวร ด้วยประสบการณ์ทั้งใน สมช. และ UNHCR ทำให้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในระบบราชการและความต้องการของคนรากหญ้า การยืนหยัดเพื่อประชาชนในจะนะ การผลักดันสันติภาพที่กินได้ในชายแดนใต้ และการเรียกร้องสิทธิให้กับผู้ลี้ภัยอย่างโรฮิงยาและอุยกูร์ คือบทพิสูจน์ว่า สิทธิมนุษยชนคือพลังที่แท้จริง ในศตวรรษที่ 21
ขอเป็นกำลังใจให้ สส. กัณวีร์ สืบแสง ในการขับเคลื่อนภารกิจสร้างความเป็นธรรมต่อไป เพราะหลักมนุษยธรรมนั้นสำคัญกว่าตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ
255 total views, 255 views today

More Stories
จุฬาราชมนตรี: ผู้นำสองสถานะในวิกฤต “มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568” ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ
จิตอาสาภาคประชาชน: เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด “เติมเต็มช่องว่างที่รัฐตกหล่น”
เจาะลึกคุตบะห์ญุมอะห์จะนะ: “ป่าคอนกรีต” สู่มัสยิดศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ