ที่มา: ศูนย์การเรียนอัลกุรอานและภาษา QLCC ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
วันที่: 12 พฤศจิกายน 2568

ภายหลังจากที่มีข่าวความรุนแรงในโรงเรียนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและความมั่นคงทางสังคมอย่างกว้างขวาง ผู้เขียน (ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์การเรียนอัลกุรอานและภาษา QLCC) ได้ขอให้ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ ภายใต้หัวข้อสำคัญคือ “การบูลลี่และความรุนแรงในสถานศึกษา: ภูเขาน้ำแข็งที่กัดเซาะรากฐาน” เพื่อให้นักเรียนนำเสนอทั้งการวิเคราะห์ ข้อเสนอแนะ และแนวทางแก้ไขตามหลักการอิสลามโดยใช้ความคิดของตนเอง
การบูลลี่และความรุนแรงในสถานศึกษา: ภูเขาน้ำแข็งที่กัดเซาะรากฐาน
ทางศูนย์ QLCC ได้สรุปการวิเคราะห์ประเด็นดังกล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงและการบูลลี่ในโรงเรียนนั้นเป็นเสมือน “ภูเขาน้ำแข็ง” ที่สังคมมักมองเห็นแต่เพียงส่วนยอด แต่ฐานรากที่อยู่ใต้น้ำนั้นใหญ่โตและซับซ้อนกว่ามาก ซึ่งกำลังกัดเซาะศักดิ์ศรีและทำลายอนาคตของเยาวชนอย่างเป็นระบบได้ดังนี้:
- รากปัญหาที่ซับซ้อน: ปัญหานี้ไม่ได้มาจากตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่มาจาก ความเหลื่อมล้ำทางสังคม, ความคับข้องใจที่ไม่มีทางออก, และที่น่ากังวลที่สุดคือ “วงจรความรุนแรง” ที่ส่งต่อกันมา (เช่น เหยื่อที่เคยถูกกระทำในอดีต กลายมาเป็นผู้กระทำต่อผู้อื่นในปัจจุบัน) รวมถึงระบบอาวุโสที่เข้มงวดเกินไป
- รูปแบบบูลลี่ที่หลากหลาย: การบูลลี่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำร้ายร่างกายหรือคำพูด แต่ยังรวมถึง การบูลลี่ทางวิชาการ (Academic Bullying) เช่น การใช้ “เกรด 0” หรือความล้มเหลวทางการเรียนเป็นอาวุธในการเยาะเย้ยและตีตรา ซึ่งสร้างความล้มเหลวทางจิตใจอย่างรุนแรง
- ทางออกต้องเปลี่ยนวัฒนธรรม: การแก้ปัญหานี้ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและวัฒนธรรมของสถานศึกษา โดยเน้นที่นโยบาย “ไม่ยอมทนต่อความรุนแรงทุกรูปแบบ” (Zero Tolerance) การเยียวยาทุกฝ่าย (ทั้งเหยื่อและผู้กระทำ) และการส่งเสริม ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) โดยมีบทบาทของโรงเรียนที่ต้องเฝ้าระวัง ระงับเหตุ และสื่อสารกับผู้ปกครองอย่างเป็นธรรม เพื่อหยุดยั้ง “วงจรการแก้แค้น”
หลักการอิสลามต่อการบูลลี่: การห้ามทำร้ายศักดิ์ศรีมนุษย์
ศูนย์ QLCC ย้ำว่า หลักการอิสลามได้วางรากฐานของการเคารพใน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (كرامة الإنسان – Karamat al-Insan) ไว้อย่างชัดเจน และห้ามการทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเด็ดขาด โดยถือว่าการบูลลี่คือการละเมิดสิทธิของผู้อื่น (الظلم – Adh-Dhulm) และการหยามเกียรติ (الاحتقار – Al-Ihtiqar) ซึ่งเป็นบาปใหญ่
หลักฐานจากอัลกุรอานและหะดีษ
- การห้ามเยาะเย้ย/ดูถูก (Bullying by Mockery):
อัลกุรอาน ซูเราะห์อัลหุญุร็อต 49:11 ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ชนกลุ่มหนึ่งเยาะเย้ยชนอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งชายและหญิง เพราะกลุ่มที่ถูกเยาะเย้ยนั้นอาจจะดีกว่า พร้อมทั้งห้ามตำหนิตนเองและห้ามเรียกกันด้วยฉายาที่ไม่ดี โดยถือว่าผู้ที่กระทำเช่นนี้คือ ผู้อธรรม (الظَّالِمُونَ) - การห้ามทำร้าย (Physical and Emotional Violence):
หะดีษศอเฮี้ยะห์ ระบุว่า: “ห้ามทำร้ายตนเองและห้ามทำร้ายผู้อื่น” (لاَ ضَرَرَ وَلاَ ضِرَارَ) หลักการนี้ครอบคลุมการทำร้ายทุกรูปแบบ ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ - การไม่ดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์:
หะดีษบันทึกโดยมุสลิม ระบุว่า: “พอเพียงแล้วสำหรับความชั่วร้ายสำหรับบุคคลหนึ่ง ที่เขาดูถูก (หยามเกียรติ) พี่น้องมุสลิมของเขา” (بِحَسْبِ امْرِئٍ مِنَ الشَّرِّ أَنْ يَحْقِرَ أَخَاهُ الْمُسْلِمَ)
ทัศนะของอุลามาอ์โลกร่วมสมัย
อุลามาอ์ (นักวิชาการอิสลาม) ร่วมสมัยมีความเห็นตรงกันว่า การรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของมนุษย์เป็นหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของ ชะรีอะห์ (Maqasid ash-Shari’ah) การแก้ไข “วงจรความรุนแรง” ที่ผู้กระทำเคยเป็นเหยื่อนั้น ต้องได้รับการบำบัดทางจิตวิญญาณและจิตวิทยา ควบคู่ไปกับการสั่งสอนและฟื้นฟู (At-Tarbiyah wal-Islah) ไม่ใช่แค่การเน้นการลงโทษที่รุนแรงเพียงอย่างเดียว เพื่อให้เกิดการแก้ไขที่แท้จริง
ดังนั้นขอให้สถานศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม นำหลักการทางศาสนาและหลักจิตวิทยามาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหานี้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่ผู้เรียน/เยาวชนทุกคน
ผู้บริหารโรงเรียนศาสนบำรุง ย้ำ! “การบูลลี่” ผิดหลักการอิสลาม ชี้เป็นภัยร้ายในสถานศึกษา

ในขณะที่ นายบาบอฮุสณี บินหะยีคอเนาะ ผู้จัดการโรงเรียนศาสนบำรุง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และที่ปรึกษาสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา ได้ออกมาแสดงความกังวลและให้ความรู้เกี่ยวกับประเด็น “การบูลลี่” (Bullying) ในสถานศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
นายบาบอฮุสณี ได้อธิบายถึงสภาพการณ์ที่การบูลลี่ได้กลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแม้แต่ในโรงเรียนที่มุ่งเน้นการอบรมคุณธรรมและจริยธรรมตามหลักการศาสนา โดยกล่าวว่า:
“การบูลลี่เป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ และโดยเจตนา ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำร้ายหรือควบคุมอีกฝ่ายหนึ่ง มันมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังทางร่างกาย การกีดกันทางสังคม หรือแม้กระทั่งการข่มขู่ทางออนไลน์”
เน้นย้ำ: การบูลลี่ด้วยคำพูดคือรูปแบบที่พบได้บ่อย
ผู้จัดการโรงเรียนศาสนบำรุงได้เน้นย้ำถึงรูปแบบการบูลลี่ที่อันตรายและแพร่หลายมากที่สุด นั่นคือ การใช้คำพูด (Verbal Bullying) เช่น การดูถูก การล้อเลียน การนินทา หรือการปล่อยข่าวลือ ซึ่งสร้างความเสียหายทางจิตใจต่อเหยื่ออย่างร้ายแรง
ศาสนาอิสลามต่อต้านการทำร้ายผู้อื่นอย่างชัดเจน
ประเด็นสำคัญที่นายบาบอฮุสณีชี้ชัดคือ การกระทำที่เป็นการบูลลี่นั้น ผิดหลักการของศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำในหลักการสำคัญ:
- ห้ามทำร้ายผู้อื่น: หลักการอิสลามสอนให้มุสลิมมีความเมตตาต่อกัน และห้ามมิให้ทำร้ายเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะด้วยร่างกายหรือคำพูด
- การให้เกียรติ: อิสลามสั่งสอนให้ทุกคนให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน
- การนินทาคือบาป: การใช้คำพูดในลักษณะดูถูกหรือนินทาถือเป็นบาปใหญ่ในอิสลาม
สรุปโดยย่อ: ผู้บริหารโรงเรียนศาสนบำรุงท่านนี้จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะครู อาจารย์ และผู้ปกครอง ตระหนักถึงปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียน และร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเปี่ยมด้วยความเมตตาตามหลักการศาสนาอิสลาม เพื่อขจัดพฤติกรรมการใช้กำลังในทางที่ผิดและการทำร้ายซ้ำ ๆ ในสถานศึกษา
หมายเหตุ:
-
ข้อมูลจากศูนย์ QLCC สามารถดูภาพและคลิปเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/share/v/14UF6ZjHaSp/?mibextid=wwXIfr
-
คลิปฉบับเต็มของนายบาบอฮุสณี บินหะยีคอเนาะ สามารถรับชมได้ที่: https://www.facebook.com/share/v/19fesJdJoU/?mibextid=wwXIfr
12,175 total views, 2 views today

More Stories
การบูรณาการบทเรียนอิสลามจากสถานการณ์น้ำท่วม สู่การพัฒนาสมรรถนะการจัดการภัยพิบัติในศตวรรษที่ 21
‘บทเรียนชีวิต’ กลางวันเปิดเทอม! นักเรียน และครู โรงเรียนจริยธรรมฯ สวมบทจิตอาสาฟื้นฟูพื้นที่ 30 ไร่ หลังมหาอุทกภัยจะนะ
สช. สงขลา โซ่ข้อกลาง “ฟื้นฟูการศึกษาเอกชนหลังอุทกภัยใหญ่: จากช่วยเหลือฉุกเฉินสู่กลไกเยียวยาจากรัฐบาล