ธันวาคม 13, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

EP5 : คณะไทย “แขกของพระเจ้า” สัมผัส “เทคโนโลยีล้ำสมัยในพิพิธภัณฑ์ฮิรออ์: บทเรียนสู่การปฏิรูปการเรียนรู้ของเด็กไทยในยุคดิจิทัล”

แชร์เลย

อุสตาสอับดุชชากูร บินชาฟิอียฺ (อับดุลสุโก ดินอะ) รายงานจากเมืองมักกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย

     วันที่ 17 ตุลาคม 2568 คณะศึกษาดูงานจากประเทศไทยจำนวน 40 คน ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการทรงเกียรติ “Duyuf Al-Rahman” (แขกของพระเจ้า) ได้รับโอกาสทัศนศึกษาอีกสถานที่หนึ่งคือ ย่านวัฒนธรรมฮิรออ์ (Hira Cultural District Museum)

     ซาอุดีอาระเบียได้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในพิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน ณ ย่านวัฒนธรรมฮิรออ์ (Hira Cultural District Museum) ในนครมักกะฮ์ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการนำเสนอประวัติศาสตร์อันล้ำลึกของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้เข้าถึงผู้คนทั่วโลกในยุคดิจิทัล

      พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่จัดแสดงวัตถุโบราณ แต่เป็น ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ ที่ผสานประวัติศาสตร์เข้ากับประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟอย่างลงตัว


การผสานรวมเทคโนโลยีและความศรัทธา

     พิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ “ย่านวัฒนธรรมฮิรออ์” (Hira Cultural District) ตั้งอยู่ ณ เชิงเขา ญะบัล อัน-นูร (Jabal An-Nur) ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำฮิรออ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่โองการแรกของอัลกุรอานถูกประทานลงมา

ภายใต้สโลแกนของการนำเสนอความยิ่งใหญ่ของคัมภีร์นี้ พิพิธภัณฑ์ได้ใช้เทคโนโลยีการจัดแสดงที่ล้ำสมัยที่สุดเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว


องค์ประกอบสำคัญของการใช้เทคโนโลยี

  • ห้องจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Exhibition Halls):
    แทนที่จะเป็นการจัดแสดงแบบเดิม พิพิธภัณฑ์ใช้หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ โปรเจกเตอร์โฮโลแกรม และระบบมัลติมีเดียที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้มีส่วนร่วมกับเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การรวบรวมคัมภีร์และคุณค่าของอัลกุรอาน

  • นิทรรศการวะฮีย์ (معرض الوحي – The Revelation Exhibition):
    นิทรรศการนี้ใช้เทคโนโลยีการจัดแสดงอันทันสมัยเพื่อเล่าเรื่องราวการวิวรณ์ (วะฮีย์) แก่บรรดาศาสดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประทานวะฮีย์ครั้งแรกแก่ท่านศาสดามูฮัมหมัด เป็นการนำเสนอเนื้อหาทางศาสนาที่ซับซ้อนให้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและจดจำได้ง่าย

  • การนำเสนอต้นฉบับโบราณ:
    แม้จะมีการจัดแสดงต้นฉบับอัลกุรอานหายาก แต่เทคโนโลยีอาจถูกนำมาใช้เพื่อขยาย วิเคราะห์ หรือให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับต้นฉบับเหล่านั้นผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูง โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสต้นฉบับโดยตรง


การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้พิพิธภัณฑ์สามารถ

  • สร้างความเข้าใจเชิงลึก: แปลงข้อมูลประวัติศาสตร์และข้อความทางศาสนาให้เป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้และน่าตื่นเต้น
  • ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่: ตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้เรียนในยุคดิจิทัลที่คุ้นเคยกับการเรียนรู้ผ่านการโต้ตอบและมัลติมีเดีย
  • อนุรักษ์ควบคู่ไปกับการเผยแพร่: ปกป้องวัตถุโบราณอันล้ำค่า ขณะที่ยังคงสามารถเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัตถุเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทเรียนสำคัญสำหรับการปฏิรูปการจัดการเรียนรู้ของเด็กไทยในยุคดิจิทัล

     ความสำเร็จของพิพิธภัณฑ์ฮิรออ์ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงอดีตกับคนรุ่นปัจจุบัน เป็น พิมพ์เขียว ที่สำคัญสำหรับการศึกษาไทยในการปรับปรุงหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้สำหรับ “เด็กยุคดิจิทัล” ของเรา

แนวคิดจากพิพิธภัณฑ์ฮิรออ์ บทเรียนสู่การศึกษาไทย
การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Interactive Learning) สร้างห้องเรียนและสื่อการสอนแบบ Active Learning: เลิกการบรรยายทางเดียว หันมาใช้เครื่องมือดิจิทัล เกมการศึกษา และสถานการณ์จำลอง (Simulation) เพื่อให้นักเรียนได้ค้นคว้าและสร้างความรู้ด้วยตนเอง
การใช้เทคโนโลยีเพื่อเล่าเรื่อง (Storytelling with Technology) บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อถ่ายทอดเนื้อหาที่ซับซ้อน: ใช้ AR (Augmented Reality), VR (Virtual Reality), หรือวิดีโอ 360 องศาในการสอนประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือศิลปวัฒนธรรม เพื่อเปลี่ยนข้อมูลจากตำราให้เป็นประสบการณ์ที่สมจริงและน่าประทับใจ
การเชื่อมโยงเนื้อหากับสถานที่จริง (Contextual Learning) เปลี่ยนแหล่งเรียนรู้เป็นศูนย์กลางดิจิทัล: โรงเรียนควรสนับสนุนให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีสำรวจพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น โบราณสถาน หรืออุทยานวิทยาศาสตร์ โดยมีแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงสถานที่เหล่านั้นเข้ากับหลักสูตร
การดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Engagement) ออกแบบการเรียนรู้ให้สั้น กระชับ และน่าสนใจ (Microlearning): เนื้อหาต้องถูกย่อยให้อยู่ในรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจของเด็กยุคที่เติบโตมากับ TikTok และ YouTube เช่น การเรียนรู้ผ่านวิดีโอสั้น อินโฟกราฟิกแบบโต้ตอบ หรือพอดแคสต์
การเน้นย้ำถึงคุณค่าและตัวตน (Value-Driven Education) ใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม: การเรียนรู้ไม่ได้มีแค่เนื้อหาวิชาการ แต่เทคโนโลยีควรถูกใช้เพื่อสะท้อนและส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมและจริยธรรมของไทยผ่านสื่อดิจิทัลที่สร้างสรรค์

สรุป

     พิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน ณ ย่านวัฒนธรรมฮิรออ์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีสามารถใช้เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการ เติมชีวิต ให้กับประวัติศาสตร์อันยาวนานและเนื้อหาเชิงลึกทางจิตวิญญาณได้

     การศึกษาไทยสามารถเรียนรู้จากโมเดลนี้ โดยการลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และที่สำคัญกว่านั้นคือการ ฝึกอบรมครู ให้กลายเป็นนักออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เปลี่ยนห้องเรียนให้เป็นพื้นที่แห่งการค้นพบที่น่าตื่นเต้นและมีความหมายสำหรับเด็กยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง


(ชมคลิปอธิบายส่วนหนึ่งได้ที่)
Facebook Link 1
Facebook Link 2

หมายเหตุ: อ่านรายงานก่อนหน้านี้ได้ที่

 13,763 total views,  2 views today