โดย… อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) : เรียบเรียง


ช่วงระหว่างวันที่ 8-23 ตุลาคม 2568 ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปสัมมนาและปฏิบัติศาสนกิจอุมเราะห์ ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย การได้ละหมาดที่มัสยิดหะรอม (Masjid al-Haram) และเห็นผู้คนจากทั่วโลก รวมถึงพี่น้องชาวไทยจำนวนมากที่เดินทางมาแสวงบุญ ทำให้คาดการณ์ได้ไม่ยากว่าในอนาคตจำนวนผู้แสวงบุญจะยิ่งเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ซาอุดีอาระเบียกำลังเร่งเครื่องพัฒนาครั้งใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตนี้
“ประตูแห่งกษัตริย์ซัลมาน”: โครงการยักษ์ที่เชื่อมโยงอิบาดะห์และการลงทุน
ล่าสุด ซาอุดีอาระเบียได้เปิดเผยโครงการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “ประตูแห่งกษัตริย์ซัลมาน” (King Salman Gate) ซึ่งจะตั้งอยู่บนพื้นที่รวมประมาณ 12 ล้านตารางเมตร ติดกับมัสยิดหะรอมโดยตรง โครงการนี้เป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้แสวงบุญภายใต้กรอบของ วิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030)
- เพิ่มพื้นที่รองรับมหาศาล: โครงการนี้จะเพิ่มพื้นที่ละหมาดทั้งภายในอาคารและลานภายนอกที่สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้เกือบ 900,000 คน ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมจากการขยายมัสยิดหะรอมครั้งที่สามที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ซึ่งสามารถรองรับผู้แสวงบุญพร้อมกันได้มากกว่าสองล้านคน
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร: “ประตูแห่งกษัตริย์ซัลมาน” จะจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านที่พักอาศัย วัฒนธรรม และบริการแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้แสวงบุญที่เพิ่มขึ้น
โครงการนี้เป็นการต่อยอดจากโครงการพัฒนาสำคัญอื่นๆ ในมักกะห์ เช่น โครงการ “มาซาร์” (Masar) ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย ที่จัดเตรียมห้องพักในโรงแรมมากกว่า 40,000 ห้อง ด้วยงบประมาณมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
วิสัยทัศน์ 2030: พลิกโฉม “การท่องเที่ยวเชิงศาสนา” ให้เป็นเสาหลักเศรษฐกิจ
ภายใต้การนำของมกุฎราชกุมาร เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน, “วิสัยทัศน์ 2030” ได้วางยุทธศาสตร์เพื่อกระจายเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาน้ำมัน โดยเปลี่ยนการแสวงบุญฮัจญ์และอุมเราะห์ให้เป็น “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” ที่สำคัญ และยกระดับให้มักกะห์เป็นจุดหมายปลายทางทางศาสนาระดับโลกและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงหรูหราควบคู่ไปกับการเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
- เป้าหมายทางเศรษฐกิจ: รายได้จากการประกอบพิธีกรรมฮัจญ์และอุมเราะห์เคยมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 และรัฐบาลซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้แสวงบุญและผู้ทำอุมเราะห์เป็น 30 ล้านคนต่อปีภายในปี 2030
- เปิดรับการลงทุน: เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลได้เปิดประตูให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนที่มีอสังหาริมทรัพย์ในเมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างเมกกะและเมดินาได้ ถือเป็นการกระตุ้นการลงทุนครั้งใหญ่
นอกจากนี้ การนำ “เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI)” เข้ามาใช้ในการจัดการพิธีฮัจญ์ ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับประสิทธิภาพในการรองรับผู้คนจำนวนมหาศาล

โครงการ “ประตูแห่งกษัตริย์ซัลมาน” และการพัฒนาอื่นๆ ภายใต้ “วิสัยทัศน์ 2030” ไม่ได้เป็นเพียงการขยายพื้นที่เพื่อการสักการะเท่านั้น แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการลงทุนเพื่ออนาคต โดยเปลี่ยนความศรัทธาทางศาสนาให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับราชอาณาจักรในฐานะศูนย์กลางศาสนาและศูนย์กลางการพัฒนาที่ทันสมัยของโลก
10,627 total views, 2 views today

More Stories
จุฬาราชมนตรี: ผู้นำสองสถานะในวิกฤต “มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568” ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ
จิตอาสาภาคประชาชน: เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด “เติมเต็มช่องว่างที่รัฐตกหล่น”
เจาะลึกคุตบะห์ญุมอะห์จะนะ: “ป่าคอนกรีต” สู่มัสยิดศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ