อุสตาซ อับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) เรียบเรียง

กรณีของ คุณอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ถูกกระแสชาตินิยมรุนแรงโหมโจมตีจนกลายเป็น “ศัตรูของชาติ” เพียงเพราะเธอยืนหยัดบนหลักการสิทธิมนุษยชนสากล ได้สะท้อนให้เห็นถึงบาดแผลลึกในสังคมไทย และได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ตอกย้ำว่า เหตุใดเราจึงต้องยืนเคียงข้างบนหลักการ และเร่งแก้ปัญหาที่ต้นตอของการจัดการศึกษา
1. ความจริงที่ปรากฏ: เมื่อความเท็จต้องมลาย
คำกล่าวขอโทษอย่างจริงใจและกล้าหาญของ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ต่อ คุณอังคณา และ คุณสุณัย ผาสุข ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพลังของ #เมื่อความจริงปรากฏ ความเท็จก็มลาย
การยอมรับว่าตนเอง “พลาดเองจริงๆ” และ “เป็นการนำเสนอแบบไม่รอบด้าน” ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะสื่อมวลชนชั้นนำ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณอันทรงพลังไปยังสาธารณะว่า การนำเสนอที่ขาดหลักการและถูกครอบงำด้วยอคติทางอารมณ์นั้น สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักการสากลได้อย่างไร
การกระทำของกรรชัยคือการเปิดพื้นที่ให้สังคมได้ทบทวนและเรียนรู้ว่า การยืนอยู่บนความจริงและหลักการนั้นเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการโอนอ่อนตามกระแสคลั่งชาติ
2. ทำไมเราต้องยืนเคียงข้างบนหลักการ?
กรณี คุณอังคณา คือภาพสะท้อนชัดเจนของความขัดแย้งเชิงหลักการที่ฝังรากลึกในสังคมไทย: “ชาตินิยม” ปะทะ “สิทธิมนุษยชน”
-
ชาตินิยม มุ่งที่ “ชาติ” เป็นสิ่งสูงสุด และมักใช้การสร้าง “ศัตรู” (ทั้งศัตรูภายนอกและศัตรูภายในอย่างนักสิทธิมนุษยชนที่ตั้งคำถามต่อรัฐ) เพื่อสร้างเอกภาพและความรักชาติแบบไร้ข้อกังขา การปกป้องชาติจึงมักแลกมาด้วยการละเลยสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของ “คนนอก” หรือผู้ที่คิดต่าง
-
สิทธิมนุษยชน มุ่งที่ “มนุษย์ทุกคน” โดยถือว่าศักดิ์ศรีและความเป็นปัจเจกบุคคลนั้นอยู่เหนือเชื้อชาติและพรมแดน การเรียกร้องให้รัฐเคารพหลักสิทธิมนุษยชนจึงไม่ใช่การ “ขายชาติ” แต่คือการยืนยันคุณค่าสากล ที่จะช่วยให้ชาติอยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้อย่างมีอารยะและทัดเทียม
ดังนั้น การที่เราต้องยืนเคียงข้าง คุณอังคณา ในกรณีนี้ ไม่ได้หมายถึงการเลือกข้างบุคคล แต่เป็นการ #ยืนอยู่บนหลักการ ที่ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และ สิทธิสากล คือฐานรากที่แข็งแกร่งที่สุดในการธำรงไว้ซึ่งสังคมที่เป็นธรรมและสงบสุข
การยอมให้ “วาทกรรมเกลียดชัง” และ “IO” (ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร) บดบังหลักการเหล่านี้ คือการยอมให้สังคมก้าวถอยหลังไปสู่ยุคแห่งความเกลียดชังและความไม่เข้าใจ
3. ทางออกที่ยั่งยืน: แก้ปัญหาที่การจัดการศึกษา
การจะสร้างสังคมที่ไม่ยอมให้คลื่นคลั่งชาติครอบงำจนบดขยี้หลักการได้นั้น จำเป็นต้องแก้ปัญหาที่ต้นตออย่างยั่งยืน นั่นคือ การจัดการศึกษา
การศึกษาในปัจจุบันยังคงเน้นการท่องจำและการปลูกฝังชาตินิยมแบบเข้มข้น ซึ่งส่งผลให้ประชาชนขาด “เกราะป้องกันทางปัญญา” ในการต่อต้านวาทกรรมเกลียดชัง
ทางออกผ่านการจัดการเรียนรู้ที่ต้องเร่งดำเนินการ:
-
ส่งเสริม “การคิดวิเคราะห์” เหนือ “การท่องจำ”: หลักสูตรต้องเปลี่ยนจากการสอนให้เชื่อ มาเป็นการสอนให้ตั้งคำถาม วิเคราะห์เหตุผล และตรวจสอบข้อมูลรอบด้าน เพื่อสร้างพลเมืองที่มีวิจารณญาณ ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมและ IO
-
ปรับใช้ “ประวัติศาสตร์สมานฉันท์”: สอนประวัติศาสตร์ในมุมมองที่เน้นการอยู่ร่วมกัน ความเข้าใจ และความหลากหลาย มากกว่าการเน้นความบาดหมางและการสร้างศัตรู เพื่อให้เข้าใจว่า “ชาติ” ไม่ได้มีเพียงมิติเดียว แต่ประกอบขึ้นจากความแตกต่างหลากหลายของผู้คน
-
การสื่อสารดิจิทัลบนหลักการสากล: ใช้สื่อยุคดิจิทัลในการปลูกฝังความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนในฐานะคุณค่าสากลที่สามารถอยู่ร่วมกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม และส่งเสริมการเคารพความแตกต่างของปัจเจกชนและเสรีภาพในการคิดต่าง
สรุป
กรณี คุณอังคณา และคำขอโทษอันทรงพลังของ หนุ่ม กรรชัย ได้ให้บทเรียนว่า สังคมที่แข็งแรงคือสังคมที่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ยอมรับความผิดพลาด และตั้งมั่นอยู่บนหลักการสากล
หลักการสิทธิมนุษยชน ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อชาติ แต่คือ แสงสว่าง ที่จะช่วยให้ชาติของเราสามารถก้าวข้ามผ่านกระแสคลั่งชาติและวาทกรรมเกลียดชังไปสู่การเป็นสังคมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นวาระเร่งด่วนที่สุดในการสร้างพลเมืองที่มีวุฒิภาวะทางปัญญาและความเข้าใจในหลักการ เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ความเกลียดชังและการโจมตีผู้ที่ยืนอยู่บนหลักการสากลเกิดขึ้นซ้ำรอยอีก
หมายเหตุ
อ่านบทความผู้เขียนก่อนหน้านี้ใน
️ ลงเมื่อวันที่ : 19/10/2568
▪️เรื่อง : หลักการเหนือคลั่งชาติ: สังคมไทยต้องไม่ให้ ‘IO’ และ ‘วาทกรรมเกลียดชัง’ บดบังศาสนธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
▪️ลิงค์ : http://spmcnews.com/?p=54070
และปรับปรุงจากบทความ
“อะไรบ้างที่ทำให้แนวคิดชาตินิยมมักไปด้วยกันไม่ได้กับหลักสิทธิมนุษยชน”
ใน https://www.facebook.com/share/p/1CcZ9H6LKv/?mibextid=wwXIfr
18,094 total views, 2 views today

More Stories
ชื่นชมผู้นำ “บ้านโคะ” ผู้ยึดมั่นหลักการอิสลาม: การต่อสู้เพื่อการเลือกตั้งที่ใสสะอาดและคุณธรรม
จุดเปลี่ยนชายแดนใต้กับบทบาทภาคประชาสังคม: จากข้อเสนอ พ.ร.บ. สู่การหนุนเสริมของ ศอ.บต.พร้อมข้อเสนอแนะ
การบูรณาการบทเรียนอิสลามจากสถานการณ์น้ำท่วม สู่การพัฒนาสมรรถนะการจัดการภัยพิบัติในศตวรรษที่ 21