ธันวาคม 7, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

หลักการเหนือคลั่งชาติ: สังคมไทยต้องไม่ให้ ‘IO’ และ ‘วาทกรรมเกลียดชัง’ บดบังศาสนธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

แชร์เลย

โดย อุสตาซ อับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

                                               

     “ท่ามกลางกระแสชาตินิยมที่ถูกปลุกเร้าจนเกือบจะกลืนกินเหตุผล ความหวังยังคงสว่างไสว เมื่อมีคนอีกมากมายในประเทศไทย โดยเฉพาะองค์กรภาคประชาสังคมและนักวิชาการ ทั้งส่วนกลางและชายแดนใต้ ยังคงยึดมั่นในหลักการ ไม่ว่า ศาสนธรรม หลักธรรมาภิบาล และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แทนการตกอยู่ในห้วงแห่งความคลั่งไคล้แบบไร้สติ

     เหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาที่ช่องอานม้า ได้กลายเป็นเวทีเปิดเปลือยยุทธวิธีอันตรายที่สังคมไทยคุ้นเคย นั่นคือ การโจมตีอย่างไม่เป็นธรรมและเบี่ยงเบนประเด็นต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยมีเป้าหมายที่ คุณอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. ผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซ ซึ่งเป็นบทเรียนซ้ำรอยที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ทำงานด้านสิทธิฯ ในพื้นที่ความขัดแย้งจังหวัดชายแดนภาคใต้


พลังแห่งการยืนหยัด: หัวใจของประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชนกว่า 25 องค์กร รวมถึงเครือข่ายภาคีต่าง ๆ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่น เพื่อสนับสนุนและปกป้องคุณอังคณา โดยยืนยันในหลักการพื้นฐานว่า:

“การตั้งคำถามต่อการทำหน้าที่ของรัฐและการตรวจสอบอำนาจคือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการไม่รักชาติ หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงใด ๆ”
“การตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐไม่ใช่อาชญากรรม แต่คือหัวใจของประชาธิปไตย”

การยืนหยัดนี้คือเสียงทัดทานต่ออำนาจรัฐ เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้สังคมมีวุฒิภาวะ และป้องกันไม่ให้เกิดกระบวนการที่ป่าเถื่อนต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงในอดีต


ยุทธวิธี ‘IO’ และ ‘ตรรกะวิบัติ’: การทรมานทางจิตวิทยา

บทวิเคราะห์ของ อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ ได้ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์การเบี่ยงเบนความรับผิดชอบของรัฐที่ใช้ผ่าน ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) และ วิกฤตจรรยาบรรณสื่อ

  • การย่ำยีเหยื่อและการเบี่ยงเบน: สื่อบางรายการเลือกที่จะ “เรียกกระแส” มากกว่าความรอบคอบ ใช้ชาวบ้านที่สูญเสียเป็นเครื่องมือโจมตีนักสิทธิฯ อย่างจงใจ และกล่าวถึง ทนายสมชาย นีละไพจิตร (สามีคุณอังคณา ผู้ถูกอุ้มหาย) อย่างไร้มารยาท ซึ่งเป็นการกระแทกความรู้สึกต่อการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

  • ตรรกะวิบัติเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ: คำถามเช่น “ณ เวลานั้นคุณทำอะไร” จัดเป็น วิบัติทางตรรกะ (Avoiding the Issue) ที่เบี่ยงประเด็นการเรียกร้องให้รัฐเคารพหลักมนุษยธรรมและกฎหมายสากล การกล่าวหาว่านักสิทธิฯ ต้องออกมาร้องทุกเรื่อง สะท้อนความเข้าใจผิดในบทบาทของการปกป้องสิทธิที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

  • บทเรียนซ้ำรอย ‘IO ไฟใต้’: การโจมตีคุณอังคณาเทียบเท่าได้กับการทำ ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่ถูกเปิดโปงว่าใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนในการสร้างความเกลียดชังและการโจมตีบุคคลที่เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งเป็นการ ทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ที่ละเมิด อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ (CAT)


รักชาติด้วยหลักการ: อิสลามสอนให้ยุติธรรมแม้กับศัตรู

ประเด็นนี้ไม่ควรถูกตีกรอบว่าเป็น “การเลือกข้าง” แต่มันคือ การยืนยันหลักสิทธิมนุษยชนสากล และหลักการทางศาสนาที่เคร่งครัดที่สุด

  • สิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องดินแดน: สิ่งที่คุณอังคณากล่าว (ซึ่งประณามการวางกับระเบิดและเรียกร้องให้เคารพ อนุสัญญาออตตาวา) ไม่ได้เกี่ยวกับ “สิทธิเหนือดินแดน” แต่เกี่ยวกับ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” และ “มาตรฐานของความถูกต้อง” ที่ทุกประเทศต้องยึดถือ

  • ความรักชาติแบบมีศีลธรรม: อิสลามสอนให้ยืนหยัดใน ความยุติธรรม (Al-‘Adl) แม้กับผู้ที่เราเกลียดชังหรือผู้เป็นศัตรู ดังโองการในอัลกุรอาน (5:8):
    “…จงอย่าให้ความเกลียดชังต่อกลุ่มชนใด ทำให้พวกเจ้าประพฤติอย่างไม่ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด นั่นใกล้เคียงกับความยำเกรงที่สุด”

  • เมตตาต่อสากลโลก: ความเมตตา (Ar-Raḥmah) เป็นหลักใหญ่ในอิสลาม ศาสดาถูกส่งมาเป็นความเมตตาแก่สากลโลก (21:107) หลักการนี้ห้ามการรุกรานและการละเมิดสิทธิอย่างเด็ดขาด สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการปกป้องสิทธิมนุษยชน

“การรักชาติในอิสลาม ไม่ได้วัดจากเสียงตะโกน แต่จากความยุติธรรมที่เรามอบให้ทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร”

     การต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักนิติธรรมที่ใช้กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม จึงไม่ใช่การกระทำที่ “ไม่รักชาติ” หากแต่เป็นการ ยกระดับความรักชาติ ให้อยู่ภายใต้กรอบของความดีงาม ความเมตตา และความยุติธรรมตามหลักการสากลและหลักการศาสนา


การเรียกร้องสู่สังคมแห่งสติ

สังคมไทยควรเลือกที่จะใช้เหตุผลและหลักการ อยู่เหนืออารมณ์และความคลั่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์แห่งความป่าเถื่อนต่อเพื่อนมนุษย์ต้องซ้ำรอยอีกครั้ง

ข้อเรียกร้อง:

  • สื่อควรยุติการทำตัวเป็น “ศาลเตี้ย” และมุ่งสร้างความเข้าใจที่รอบด้านในความขัดแย้งระหว่างประเทศ

  • รัฐและสังคมควรเปิดพื้นที่ให้ คุณอังคณา นีละไพจิตร และนักสิทธิฯ อื่น ๆ มาชี้แจงโต้แย้งในประเด็นที่ถูกกล่าวหา เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและยกระดับการสนทนาของสังคมให้พ้นจากอารมณ์


   คุณอังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิรางวัลแมกไซไซ (2019) คือบทพิสูจน์ของคนจริงที่ กล้ายืนต้านทานพายุ การคุกคามถึงขั้นขู่เอาชีวิตจากการทำงานของเธอ แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยยังด้อยพัฒนาในการเคารพสิทธิและความเห็นต่างอย่างรุนแรง

การดำเนินนโยบายความมั่นคงที่เคารพกติกาและข้อตกลงระหว่างประเทศต่างหาก คือสิ่งที่จะทำให้สถานะของประเทศไทยสง่างามในสายตาของประชาคมโลก

#รักชาติแต่ไม่คลั่งชาติกันนะครับ
#อังคณานีละไพจิตร

 21,011 total views,  2 views today

You may have missed