โดย อุสตาซ อับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

“ท่ามกลางกระแสชาตินิยมที่ถูกปลุกเร้าจนเกือบจะกลืนกินเหตุผล ความหวังยังคงสว่างไสว เมื่อมีคนอีกมากมายในประเทศไทย โดยเฉพาะองค์กรภาคประชาสังคมและนักวิชาการ ทั้งส่วนกลางและชายแดนใต้ ยังคงยึดมั่นในหลักการ ไม่ว่า ศาสนธรรม หลักธรรมาภิบาล และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แทนการตกอยู่ในห้วงแห่งความคลั่งไคล้แบบไร้สติ
เหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาที่ช่องอานม้า ได้กลายเป็นเวทีเปิดเปลือยยุทธวิธีอันตรายที่สังคมไทยคุ้นเคย นั่นคือ การโจมตีอย่างไม่เป็นธรรมและเบี่ยงเบนประเด็นต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยมีเป้าหมายที่ คุณอังคณา นีละไพจิตร ส.ว. ผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซ ซึ่งเป็นบทเรียนซ้ำรอยที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ทำงานด้านสิทธิฯ ในพื้นที่ความขัดแย้งจังหวัดชายแดนภาคใต้
พลังแห่งการยืนหยัด: หัวใจของประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชนกว่า 25 องค์กร รวมถึงเครือข่ายภาคีต่าง ๆ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่น เพื่อสนับสนุนและปกป้องคุณอังคณา โดยยืนยันในหลักการพื้นฐานว่า:
“การตั้งคำถามต่อการทำหน้าที่ของรัฐและการตรวจสอบอำนาจคือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการไม่รักชาติ หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงใด ๆ”
“การตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐไม่ใช่อาชญากรรม แต่คือหัวใจของประชาธิปไตย”
การยืนหยัดนี้คือเสียงทัดทานต่ออำนาจรัฐ เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้สังคมมีวุฒิภาวะ และป้องกันไม่ให้เกิดกระบวนการที่ป่าเถื่อนต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงในอดีต
ยุทธวิธี ‘IO’ และ ‘ตรรกะวิบัติ’: การทรมานทางจิตวิทยา
บทวิเคราะห์ของ อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ ได้ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์การเบี่ยงเบนความรับผิดชอบของรัฐที่ใช้ผ่าน ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) และ วิกฤตจรรยาบรรณสื่อ
-
การย่ำยีเหยื่อและการเบี่ยงเบน: สื่อบางรายการเลือกที่จะ “เรียกกระแส” มากกว่าความรอบคอบ ใช้ชาวบ้านที่สูญเสียเป็นเครื่องมือโจมตีนักสิทธิฯ อย่างจงใจ และกล่าวถึง ทนายสมชาย นีละไพจิตร (สามีคุณอังคณา ผู้ถูกอุ้มหาย) อย่างไร้มารยาท ซึ่งเป็นการกระแทกความรู้สึกต่อการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
-
ตรรกะวิบัติเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ: คำถามเช่น “ณ เวลานั้นคุณทำอะไร” จัดเป็น วิบัติทางตรรกะ (Avoiding the Issue) ที่เบี่ยงประเด็นการเรียกร้องให้รัฐเคารพหลักมนุษยธรรมและกฎหมายสากล การกล่าวหาว่านักสิทธิฯ ต้องออกมาร้องทุกเรื่อง สะท้อนความเข้าใจผิดในบทบาทของการปกป้องสิทธิที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
-
บทเรียนซ้ำรอย ‘IO ไฟใต้’: การโจมตีคุณอังคณาเทียบเท่าได้กับการทำ ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่ถูกเปิดโปงว่าใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนในการสร้างความเกลียดชังและการโจมตีบุคคลที่เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งเป็นการ ทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ที่ละเมิด อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ (CAT)
รักชาติด้วยหลักการ: อิสลามสอนให้ยุติธรรมแม้กับศัตรู
ประเด็นนี้ไม่ควรถูกตีกรอบว่าเป็น “การเลือกข้าง” แต่มันคือ การยืนยันหลักสิทธิมนุษยชนสากล และหลักการทางศาสนาที่เคร่งครัดที่สุด
-
สิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องดินแดน: สิ่งที่คุณอังคณากล่าว (ซึ่งประณามการวางกับระเบิดและเรียกร้องให้เคารพ อนุสัญญาออตตาวา) ไม่ได้เกี่ยวกับ “สิทธิเหนือดินแดน” แต่เกี่ยวกับ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” และ “มาตรฐานของความถูกต้อง” ที่ทุกประเทศต้องยึดถือ
-
ความรักชาติแบบมีศีลธรรม: อิสลามสอนให้ยืนหยัดใน ความยุติธรรม (Al-‘Adl) แม้กับผู้ที่เราเกลียดชังหรือผู้เป็นศัตรู ดังโองการในอัลกุรอาน (5:8):
“…จงอย่าให้ความเกลียดชังต่อกลุ่มชนใด ทำให้พวกเจ้าประพฤติอย่างไม่ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด นั่นใกล้เคียงกับความยำเกรงที่สุด” -
เมตตาต่อสากลโลก: ความเมตตา (Ar-Raḥmah) เป็นหลักใหญ่ในอิสลาม ศาสดาถูกส่งมาเป็นความเมตตาแก่สากลโลก (21:107) หลักการนี้ห้ามการรุกรานและการละเมิดสิทธิอย่างเด็ดขาด สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการปกป้องสิทธิมนุษยชน
“การรักชาติในอิสลาม ไม่ได้วัดจากเสียงตะโกน แต่จากความยุติธรรมที่เรามอบให้ทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร”
การต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักนิติธรรมที่ใช้กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม จึงไม่ใช่การกระทำที่ “ไม่รักชาติ” หากแต่เป็นการ ยกระดับความรักชาติ ให้อยู่ภายใต้กรอบของความดีงาม ความเมตตา และความยุติธรรมตามหลักการสากลและหลักการศาสนา
การเรียกร้องสู่สังคมแห่งสติ
สังคมไทยควรเลือกที่จะใช้เหตุผลและหลักการ อยู่เหนืออารมณ์และความคลั่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์แห่งความป่าเถื่อนต่อเพื่อนมนุษย์ต้องซ้ำรอยอีกครั้ง
ข้อเรียกร้อง:
-
สื่อควรยุติการทำตัวเป็น “ศาลเตี้ย” และมุ่งสร้างความเข้าใจที่รอบด้านในความขัดแย้งระหว่างประเทศ
-
รัฐและสังคมควรเปิดพื้นที่ให้ คุณอังคณา นีละไพจิตร และนักสิทธิฯ อื่น ๆ มาชี้แจงโต้แย้งในประเด็นที่ถูกกล่าวหา เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและยกระดับการสนทนาของสังคมให้พ้นจากอารมณ์

คุณอังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิรางวัลแมกไซไซ (2019) คือบทพิสูจน์ของคนจริงที่ กล้ายืนต้านทานพายุ การคุกคามถึงขั้นขู่เอาชีวิตจากการทำงานของเธอ แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยยังด้อยพัฒนาในการเคารพสิทธิและความเห็นต่างอย่างรุนแรง
การดำเนินนโยบายความมั่นคงที่เคารพกติกาและข้อตกลงระหว่างประเทศต่างหาก คือสิ่งที่จะทำให้สถานะของประเทศไทยสง่างามในสายตาของประชาคมโลก
#รักชาติแต่ไม่คลั่งชาติกันนะครับ
#อังคณานีละไพจิตร
21,011 total views, 2 views today

More Stories
จุฬาราชมนตรี: ผู้นำสองสถานะในวิกฤต “มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568” ผู้ประสานงานและเยียวยาจิตใจ
จิตอาสาภาคประชาชน: เอกภาพบนหลักการ แตกต่างในรายละเอียด “เติมเต็มช่องว่างที่รัฐตกหล่น”
เจาะลึกคุตบะห์ญุมอะห์จะนะ: “ป่าคอนกรีต” สู่มัสยิดศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ