อย่าปล่อยให้ซ้ำรอย “ลอยแพผู้แสวงบุญ” ท่ามกลางไฟใต้: ปัญหาและทางออก
โดย อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) ข้อเสนอจากมักกะห์




วิกฤตศรัทธาและความมั่นคง: เมื่อการ “ลอยแพ” กัดกินใจชาวใต้
ในช่วงที่ผู้เขียนกำลังปฏิบัติภารกิจร่วมกับคณะศึกษาดูงานจากประเทศไทยตามโครงการ Duyuf Al-Rahman (แขกของพระเจ้า) ณ องค์กรการกุศล Jamiah Al-Daawah wa Al-Irshad ระหว่างวันที่ 8-23 ตุลาคม 2568 ข่าวคราวเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ “ลอยแพ” ผู้แสวงบุญกลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางอีกครั้ง
วิกฤตลอยแพฮัจญ์และอุมเราะห์นี้ได้กลับมาสร้างบาดแผลให้กับสังคมไทยมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีความเปราะบางทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจอยู่แล้ว
เหตุการณ์ซ้ำซากนี้ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาผู้บริโภคธรรมดา แต่เป็น “วิกฤตศรัทธา” ที่ซ้ำเติมปัญหาความมั่นคงในมิติทางสังคม เมื่อความเชื่อมั่นและเงินเก็บทั้งชีวิตของผู้คนถูกฉวยโอกาสอย่างเลือดเย็น
เหตุการณ์ล่าสุด: ภาพสะท้อนปัญหาเรื้อรัง
กรณีล่าสุดคือการลอยแพผู้แสวงบุญอุมเราะห์กว่า 100 ราย ณ สนามบินหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 โดยบริษัท รุส ฮัจญ์ แอนด์ ทราเวล โดยมีผู้เสียหายรวมตัวเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองปัตตานี ชุดแรก 41 ราย จากผู้เสียหายกว่า 170 คน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 10 ล้านบาท
ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือ มีรายงานเพิ่มเติมว่ามีผู้แสวงบุญอีก 18 คน ที่เดินทางไปก่อนหน้าแล้ว ติดค้างและถูกทอดทิ้ง ณ สนามบินเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยไร้ผู้นำทัวร์ดูแล ต้องหาที่พักและใช้จ่ายเงินส่วนตัวอย่างแร้นแค้น
-
ความเสียหายที่มากกว่าเงิน: ผู้เสียหายจำนวนมากระบุว่า ความเสียหายทางจิตใจ ความรู้สึก และความตั้งใจอันบริสุทธิ์ที่ถูกทำลายนั้น ร้ายแรงยิ่งกว่ามูลค่าเงินที่สูญเสียไป
-
วงจรอุบาทว์: แม้บริษัทจะออกแถลงการณ์ยอมรับผิดและสัญญาว่าจะคืนเงินภายใน 5 เดือน แต่ความรับผิดชอบที่เชื่องช้าและการหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ ของเจ้าของบริษัท สะท้อนถึง ช่องโหว่ร้ายแรง ของกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคและระบบกฎหมาย ที่ทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็น “วงจรอุบาทว์”
ความท้าทาย 3 ประการของ สคบ. และทางออกที่เสนอ
ปัญหานี้เผยให้เห็นว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถรับมือกับธุรกิจที่มีกลโกงและซับซ้อนเช่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอเสนอทางออกเพื่อปิดช่องโหว่และเยียวยาประชาชนอย่างเร่งด่วน:
| ความท้าทาย (ปัญหา) | ทางออกที่เสนอ (มาตรการเด็ดขาด) |
|---|---|
| 1. ความล่าช้าและประสิทธิภาพ: กลไกกฎหมายล่าช้า ผู้เสียหายต้องรอการเยียวยาเป็นเวลานาน (เช่น 5 เดือน) | จัดตั้ง “กองทุนเยียวยาฉุกเฉิน“: แยกจากเงินประกันของบริษัท เพื่อให้ประชาชนผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นทันทีและเร่งด่วน โดยเฉพาะในกรณีที่มีการแจ้งความและหลักฐานชัดเจน |
| 2. ช่องโหว่ “นอมินี” และการซ้ำรอย: บริษัทที่ทำผิดปิดตัวแล้วเปิดใหม่ภายใต้ชื่อบุคคลอื่นอย่างเป็นระบบเพื่อหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ | บูรณาการความร่วมมือและเทคโนโลยีดิจิทัล: เชื่อมโยงข้อมูลผู้บริหาร/กลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลัง กับกรมการปกครอง (กิจการฮัจญ์) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขึ้นบัญชีดำและอุดช่องโหว่ทางกฎหมายนอมินีอย่างเด็ดขาด |
| 3. การเข้าถึงและความรู้ของผู้แสวงบุญ: ผู้แสวงบุญขาดความรู้ในการปกป้องตนเอง ไม่รู้สิทธิที่จะตรวจสอบความน่าเชื่อถือหรือต้นทุนราคาจริง | ส่งเสริมการให้ความรู้เชิงรุก: สคบ. ร่วมมือกับสมาคมฮัจย์และสำนักจุฬาราชมนตรี สร้าง “ภูมิคุ้มกัน” และเผยแพร่รายชื่อบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือให้ผู้แสวงบุญรู้เท่าทันกลโกงก่อนตัดสินใจจอง |
ข้อสังเกตเพื่อการจัดการอย่างมั่นคง
-
แยกกำกับ ฮัจญ์ กับ อุมเราะห์: ต้องมีการกำกับดูแลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจาก ฮัจญ์ ถูกควบคุมโดยรัฐและมีโควต้าจำกัด แต่ อุมเราะห์ มีความยืดหยุ่นในเชิงธุรกิจสูงกว่าและเสี่ยงต่อการเสนอ “แพ็กเกจราคาถูก” ที่ผิดสัญญาได้ง่ายกว่า ควรมีข้อบังคับที่รัดกุมสำหรับธุรกิจอุมเราะห์โดยเฉพาะ
-
ความมั่นคงและกฎหมายเด็ดขาด: การจัดการธุรกิจไร้ธรรมาภิบาลในพื้นที่ จชต. ต้องถูกพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา “ไฟใต้” ในมิติความมั่นคงทางสังคม รัฐบาล (โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ รมช.อามินทร์ มะยูโซ๊ะ เร่งตรวจสอบ) ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด และอาจต้องตรวจสอบการเชื่อมโยงกับธุรกิจผิดกฎหมายอื่น ๆ (เช่น ฟอกเงิน, หนีภาษี) ที่อาจเกี่ยวโยงกับธุรกิจลักษณะนี้ในพื้นที่ความมั่นคง
-
ความเข้าใจมิติทางสังคม: เจ้าหน้าที่และสังคมควรทำความเข้าใจมิติทางศาสนาและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ จชต. การไปแสวงบุญคือความหมายอันยิ่งใหญ่ของผู้คนที่มีฐานะไม่ร่ำรวย อาจเป็นครั้งเดียวในชีวิต การแสดงความเมตตาและเอื้อเฟื้อต่อความสุขพิเศษของพวกเขาจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง กว่าการวิจารณ์เชิงลบ

บทสรุป
การลอยแพผู้แสวงบุญคือการทำลายความศรัทธาและความฝันของผู้คนอย่างร้ายแรง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรมในการปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย จัดการกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด และเร่งเยียวยาประชาชน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางจิตใจของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้โดยเร็วที่สุด
(อ้างอิง: ข่าวผู้แสวงบุญครึ่งร้อยบุกโรงพักแจ้งความ “แซะห์” ลอยแพอุมเราะห์, isranews; การกำชับของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อ รมช.อามินทร์ มะยูโซ๊ะ, mgronline)
8,656 total views, 2 views today

More Stories
“เท่าเทียมเป็นธรรม ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน สามัญหรือศาสนา”: ข้อเสนอจากสมาคมฯ ภาคใต้ ชี้เป้าบทบาท ศธ. ในการฟื้นฟูการศึกษาหลังน้ำท่วม
สภานักวิชาการมุสลิมแห่งประเทศไทย: ก้าวสำคัญสู่ “ศูนย์กลางอิสลามศึกษาแห่งภูมิภาค”
ความสำคัญของการจัดศพมุสลิมในภาวะวิกฤต: บทเรียนจากมหาอุทกภัยใต้และการรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่