แถลงการณ์สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา(LEMPAR)

เรื่อง ขอเรียกร้องให้รัฐไทยและBRN สื่อสารชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ จชต./ปาตานี เกี่ยวกับมาตรการลดความรุนแรงด้วยกำลังอาวุธให้ชัดเจน

เนื่องด้วยหลังจากได้มีการพบปะ “พูดคุยเพื่อสันติสุข” (คำเรียกขายโดยรัฐไทย) หรือ “เจรจาเพื่อสันติภาพ” (คำเรียกขานโดย BRN ) เมื่อวันที่ 11-12 มกราคม 2565 ณ กรุงกัวลาลุมโปร์ ประเทศมาเลเซีย โดยที่ผลของการพบปะครั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจงต่อสาธารณชนว่า เห็นพ้องต้องกันในกรอบข้อตกลงหลักเบื้องต้น 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้ 1)การลดความรุนแรง 2)การแสวงหาทางออกด้วยการเมือง 3)การปรึกษาหารือกับประชาชน

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกเป็นจำเลยสังคมเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนต่อเหตุการณ์การบังคับใช้กฎหมายของรัฐต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเพื่อหวังจะจับกุมเพื่อดำเนินคดี

แต่ผลสุดท้ายกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวหรือในมุมของBRNคือสมาชิกกองกำลังของพวกเขา ตัดสินใจไม่ยอมมอบตัว พวกเขาตัดสินใจสู้ตายหรือ “พลีชีพ” และทางฝั่งของเจ้าหน้าที่รัฐต้องตัดสินใจกระทำการ “วิสามัญฆาตรกรรม” จนบรรดามวลชนของพวกเขาให้การสดุดีเชิดชูเกียรติดุจดั่ง “นักรบซาฮีด” ด้วยการแสดงออกผ่านกิจกรรม “แห่ศพ” ตะโกนคำว่า “อัลลอฮฮูอักบัร” แปลว่า อัลลอฮผู้ยิ่งใหญ่ และคำว่า “เมอรเดกา” แปลว่า เอกราช ตามที่ได้เป็นข่าวครึกโครมในสื่อโซเชียล

ต่อมาไม่กี่วันหลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์วิสามัญฆาตรกรรมดังกล่าว เริ่มแรกเหตุเกิดที่อำเภอสายบุรี ต่อมาที่อำเภอแระแงะ ทางฝ่ายซึ่งสังคมทั่วไปเข้าใจว่าน่าจะเป็นฝีมือจากกองกำลังติดอาวุธของ BRN ก็ได้มีการตอบโต้กลับด้วยปฏิบัติการทางอาวุธตามที่เป็นข่าวสะเทือนขวัญประชาชนอย่างไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นได้ นั่นคือเหตุระเบิด 17 จุด ในเมืองยะลาแบบมีแต่เสียงแต่ไม่มีสะเก็ด และล่าสุดหลังจากเกิดเหตุวิสามัญฆาตรกรรม 3 ราย ที่อำเภอจะนะ วันรุ่งขึ้นก็ได้มีเหตุระเบิดหน่วยอีโอดีใกล้ทางรถไฟในอำเภอจะนะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย

เหตุการณ์ที่มีคนตายและได้รับบาดเจ็บบนเหตุผลหรือข้ออ้างถึงความชอบธรรมของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายต่างๆนานาในมิติของความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมือง เกิดขึ้นท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในพื้นที่รู้สึกมีหวังแบบคล้ายๆว่า ความฝันจะเป็นจริงแล้วในเร็วๆนี้ สุดท้าย “ความฝันก็สลาย” ในพริบตา จึงไม่แปลกที่ในสื่อโซเชียลเวลานี้เต็มไปด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนในพื้นที่ต่อโต๊ะการพูดคุย/เจรจา ในทางลบมากกว่าทางบวกอย่างมีนัยยะสำคัญ

สาระสำคัญของคำวิจารณ์ดังกล่าวคือ โต๊ะพูดคุยหรือโต๊ะเจรจาไม่ได้ส่งผลยับยั้งต่อสถานการณ์ความขัดแย้งจนรุนแรงด้วยอาวุธแต่อย่างใด หนำซ้ำยังกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญเพิ่มดีกรีของความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม บางกระแสก็วิจารณ์แบบตัดพ้อปลงๆว่า เป็นธรรมดาของวิสัยแห่งการพูดคุย/เจรจาอยู่แล้ว “ที่คุยก็คุยไป ที่ยิงก็ยิงไป” “ที่เจรจาก็เจรจาไป ที่ระเบิดก็ระเบิดไป”

สรุปคือ ณ ชั่วโมงนี้ โต๊ะการพูดคุยสันติสุข/เจรจาสันติภาพ ได้เข้าสู่โหมดของความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ “ขาดความเชื่อมั่น” อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์แบบนี้นั้น ไม่เป็นผลดีต่อทิศทางอนาคตการสร้างสันติสุข/สันติภาพด้วยแนวทางสันติวิธีอย่างแน่นอน

สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา(LEMPAR) จึงขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐไทยและBRN จำเป็นที่จะต้องแสดงสปิริตต่อระดับการลดลงของความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ต่อโต๊ะการพูดคุยสันติสุข/สันติภาพ ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ได้เกิดขึ้นตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ด้วยการที่อย่างน้อยๆที่สุดนั้น

ทั้งสองฝ่ายจะต้องรีบเร่งหาข้อตกลงเพื่อกำหนดเป็นมาตรการในทางปฏิบัติได้จริง เพื่อลดความรุนแรง การปรึกษาหารือกับประชาชน และการแสวงหาทางออกด้วยการเมือง ตามที่บนโต๊ะพูดคุย/เจรจาได้เห็นพ้องต้องกันแล้วในกรอบกว้างๆ และทำการชี้แจงต่อสาธารณชนได้รับทราบทั่วกันอย่างชัดเจน

ทั้งนี้เหนือสิ่งอื่นใด ก็เพื่อลดความสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน คุณภาพชีวิต บนหลักการมนุษยธรรมให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อที่จะได้กอบกู้ความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่กลับมาเชื่อมั่นต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุข/เจรจาสันติภาพ อีกครั้ง

.

ด้วยจิตรักสันติและมนุษยธรรม

สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR)

5 กุมภาพันธ์ 2565 @ 12 :19 น. ณ เมืองสุไหงโก-ลก

 7,396 total views,  2 views today