เมษายน 27, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

สถานการณ์โควิดปัจจุบันในเมืองไทย (ภูเก็ตแซนด์บอกซ์)

แชร์เลย

นายแพทย์กษิดิษ ศรีสง่า

เมื่อเจอปัญหาให้มองในภาพรวมก่อน แล้วจึงแบ่งปัญหานั้นเป็นส่วนเล็กๆ และลงลึกไปจนถึงจุดต้นเหตุ วิธีการแก้ไข ทำไปทีละส่วนๆจนหมด แล้วกลับมามองภาพรวมอีกที แล้วจึงปรับวิธีการใหม่ใหม่พอเหมาะกับทุกๆปัญหาไปพร้อมๆกัน

ซึ่งวันนี้ขอขยายความเกี่ยวกับบางจุดให้เราเข้าใจกัน นั่นคือ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์

1. พวกเรารับรู้กันอยู่แล้วว่า ตอนนี้ประเทศไทยกำลังระบาดหนัก และมีแต่จะหนักขึ้นเนื่องจากเชื้ออินเดีย(เดลต้า) ซึ่งแพร่ง่ายกว่าเชื้ออังกฤษได้เข้ามาอยู่ในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว ยิ่งกว่านั้น เชื้ออัฟริกา (เบต้า) ซึ่งดื้อต่อทุกๆยา และอัตราตายสูงก็เข้ามาอยู่ในเมืองไทยแล้วเช่นกัน ระบบสาธารณสุขจึงเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงมือ ถ้าไม่ทำอะไร หายนะและสภาพที่น่าเอน็จอนาจแบบสมัยการระบาดหนักของ อิตาลี อเมริกา อินเดีย ก็จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา รัฐบาลเราแก้เกมส์ด้วยล๊อกดาวน์และ การส่งต่อผู้ป่วยไปยังต่างจังหวัด เพื่อให้ อสม และท้องถิ่นต่างๆเป็นผู้รับมือแทน
2. การกระทำเช่นนี้ ทำให้เม็ดเงินที่หมุนเวียนในประเทศหดหายไปเกือบหมด มันเหมือนสภาวะผู้ป่วยเสียเลือดมากจนทำให้เลือดในระบบหมุนเวียนโลหิตไม่พอ ความดันจะตกลงและผู้ป่วยจะเสียชีวิต วิธีแก้ของแพทย์คือ การถ่ายเลือดคนอื่นเข้ามาในร่างกายเรา เพื่อช่วยชีวิต เศรษฐกิจก็เช่นกัน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเปิดช่องทางให้เงินต่างประเทศเข้ามาโดยให้เข้ามาในรูปการณ์ท่องเที่ยว
3. แต่การเข้ามาแบบธรรมดาก็จะเกิดการระบาดของโรคเพิ่มมากมาย ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการต่างๆป้องกันไว้ก่อน เพื่อให้งินเข้ามากที่สุด และเกิดปัญหาติดเชื้อน้อยที่สุด หรืออย่างน้อย ถ้าติดเชื้อ ต้องใช้ รพ ให้น้อยที่สุด ให้ใช้ ไอซียู น้อยที่สุด ดังนั้นเราจึงต้องเริ่มทำเป็นจุดๆเล็กๆที่ควบคุมได้ก่อน
4. การเลือกภูเก็ตเป็นจุดทดลองในการให้นักท่องเที่ยวมาจึงเป็นสิ่งที่ดี เพราะมีสนามบินทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากประเทศตัวเองเข้ามาภูเก็ตได้โดยตรง ลดการแพร่เชื้อไปสู่จังหวัดต่างๆ และถ้าเกิดการระบาดรุนแรงก็สามารถปิดเกาะเพื่อควบคุมได้โดยง่าย
5. เพื่อให้เชื้อโรคมาน้อยที่สุดจะต้องให้คนที่จะมาได้รับการตรวจก่อนว่าไม่มีโควิด และจะต้องมีการฉีดวัคซีนมาแล้วครบ 2 เข็ม หรือถ้าเป็น JJ ก็ 1 เข็ม ตามที่เจ้าของวัคซีนเขากำหนดไว้แล้ว เป็นเวลา 14 วันก่อนจะเข้ามาประเทศไทย และไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากภูมิคุ้มกันจะเริ่มหายหมดไปแล้ว
6. เพื่อให้มีการป้องกันมากขึ้น จึงมีการกำหนดว่า ผู้เดินทางต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือปานกลางเท่านั้น และจะต้องมี หนังสือรับรองที่ทางการออกให้ ว่าสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ (COE)
7. และเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อออกไปนอกสถานที้ ก็จำกัดให้มีกิจกรรมเฉพาะในที่สถานที่จนกว่า จะครบ 14 วัน หลังจากนั้นจึงจะสามารถไปตามที่ต่างๆได้ แต่เนื่องจากภูเก็ตทั้งเกาะถือเป็นสถานที่หนึ่ง ดังนั้น ผู้มาเที่ยวจึงสามารถไปเที่ยวได้ทั่วเกาะภูเก็ต แต่จะออกนอกเกาะไม่ได้จนกว่าจะครบ 14 วัน ในระหว่างนั้นก็จะมีการตรวจเชื้อเป็นช่วงๆไป
8. การทำเช่นนี้แน่นอนว่ายังมีความเสี่ยงแพร่เชื้อกับคนในพื้นที่อยู่ ดังนั้น คนในพื้นที่ทั้งหมด หรืออย่างน้อย 75 % จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อน ให้ครบ 2 เข็ม อย่างน้อยๆ 2-4 อาทิตย์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันพอ และมาตรการป้องกันปกติที่เคยกระทำอยู่ ได้แก่ อยู่ห่าง ล้างมือ แยกภาชนะ ใส่หน้ากาก ก็ยังต้องถูกบังคับอย่างเข้มข้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการระบาดในหมู่คนไทยพื้นเมืองที่นั่น
9. และถ้าระหว่างอยู่มีการติดเชื้อก็ต้องรักษาดังนั้นผู้ที่มาเที่ยวจะต้องมี กรมธรรณ์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 USD
10. เมื่อครบ 14 วันแล้ว อยากจะออกนอกภูเก็ต และตรวจแล้วไม่มีเชื้อโควิด ก็สามารถทำได้
11. เราจะเปิดวันพรุ่งนี้แล้ว(1 กรกฎาคม 2564 ) แต่เชื่อไหมว่า มันยังไม่เรียบร้อย
12. ใบ COE ที่ต้องออกโดยกระทรวงต่างประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเอาไปซื้อตัว เตรียมตัวเข้ามาเมืองไทยนั้น ไม่สามารถจะออกได้ เพราะจะต้อง “มีการประกาศกฎหมายเปิดประเทศใน ราชกิจจานุเบกษาก่อน” ซึ่งประกาศนี้ มันควรจะมีตั้งแต่ตอนที่เริ่มคิดจะทำภูเก็ตแซนด์บอกซ์แล้ว หรืออย่างน้อยที่สุดสัก 2 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ เพื่อนักท่องเที่ยวจะได้มีเวลาดูว่าจะได้มาไหม หลังจากนั้นจะได้ไปติดต่อซื้อตั๋ว จองโรงแรมต่างๆ เพราะถ้าซื้อไปก่อนจองไปก่อน แล้วไทยไม่ให้เข้าก็เสียเงินฟรี และมันไม่ได้ออกยากอะไรเลย แต่กลับไม่มีการออก
13. และแล้วจนกระทั่ง “เมื่อคืนนี้” มีการออกข้อกำหนด ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกมา เมื่อวันที่ 29 มิย 21 เพื่อเปิดประเทศ ซึ่งเมื่อดูเนื้อหาใจความแล้ว มันก็คล้ายๆกับที่ประกาศเดิมที่มีอยู่แล้วแต่เอามาแก้ใหม่เท่านั้นเอง ดังนั้น มันจึงควรถูกตั้งคำถามว่า ทำไมล่าช้า แล้วอย่างนี้นักท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวกในการมาหรือ อย่างนี้ใครจะอยากมา แต่เอาเถิดไหนๆก็จบไปแล้ว แต่อยากจะให้เป็นบทเรียนว่า บางอย่างทำได้ก่อนก็ให้รีบๆทำไปเลย และควรจะมาพิจารณากันว่าระบบราชการที่ยืดยาดและไม่ก่อประโยชน์เช่นนี้สมควรจะมีต่อไปหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องมีสามารถ จะปรับให้เร็วกว่านี้ได้ หรือไม่ หรือถ้าไม่ได้อีก สามารถทำแต่เนิ่นๆได้หรือไม่ มันจะได้ไม่ชักช้าอย่างนี้
14. ข้อต่อไปคือ การฉีดวัคซีน ซึ่งเท่าทีทราบตอนนี้ทางการประกาศว่า ได้ฉีดไปครบ 2 เข็มแล้ว 75 % ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เราคงต้องตามมาดูว่า จริงหรือไม่ และผลเป็นอย่างไร ภายใน 1เดือนข้างหน้านี้
15. ขอเอาใจช่วยรัฐบาลและคนภูเก็ตทุกๆท่านครับ ขอฝากข้อคิดไว้ว่า หนนี้จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่จะเปิดประเทศของคนไทย โปรดทำให้ดีที่สุด ให้โอกาสที่จะมีการติดเชื้อจากคนอื่นมาสู่ท่าน และการติดเชื้อจากท่านไปสู่คนอื่นนั้นเป็น ศูนย์ให้ได้มากที่สุด โดยไม่หวังเพียงแค่วัคซีนอย่างเดียว แต่ต้องเข้มในมาตรการรักษาระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากากเอาไว้ให้ได้มากที่สุด และตักเตือนกันเอง เมื่อพบเห็นการย่อหย่อน หากพวกท่านทำได้สำเร็จมันก็จะเป็นบันไดให้จังหวัดอื่นๆได้ทำตามต่อไป และปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นไป
16. ขอพระองค์อัลลอฮ์ทรงโปรดประทานความสำเร็จในการงานครั้งนี้ แก่ชาวภูเก็ตทุกๆท่านด้วยเทอญ อามีน

 6,568 total views,  2 views today

You may have missed