ไม่ใช่เพื่อการเป็นอิสลามของต่างศาสนิก แต่เพื่อการเป็นอิสลามของชาวมุสลิม

แชร์เลย

บทความโดย มูฮัมหมัด อัลฮาดี อัลฮาซานี
กรรมการสมาคมอุลามาอ์แอลจีเรีย
ใน นสพ.อัลชุรูก ฉบับวันที่ 23 มิ.ย. 2021
แปลและเรียบเรียงโดย ผศ.ดร.ฆอซาลี เบ็ญหมัด

● อ่านต้นฉบับ
https://bit.ly/3qDQ0yB

*****
จากความยุติธรรมของอัลลอฮ์ – ผู้ทรงอำนาจและสง่างาม -พระองค์จะไม่ลงโทษจนกว่าพระองค์จะทรงส่งร่อซู้ล และไม่มีประชาชาติใดที่ไม่มีผู้ตักเตือนในหมู่พวกเขา และในบรรดาร่อซู้ลเหล่านี้ อัลลอฮ์บอกเล่าเพียงบางส่วน แต่ไม่ได้บอกอีกบางส่วน

จากนั้นอัลลอฮ์ผู้ทรงฤทธานุภาพได้ปิดท้ายศาสนทูตผู้ทรงเกียรติและผู้เผยพระวจนะที่ดีด้วยนบีมุฮัมมัด ศอลฯ บุคคลที่ดีที่สุดของพวกเขา

สิ่งที่แตกต่างและอัตลักษณ์ดีที่สุดของท่านคือ ท่านถูกแต่งตั้งสำหรับมนุษยชาติทั้งมวล และอัลลอฮ์ได้สั่งให้ท่านถ่ายทอดสิ่งที่ถูกประทานให้แก่ท่าน และท่านก็ได้ทำตามที่อัลลอฮ์สั่ง โดยการส่งสาส์นไปยังกษัตริย์และผู้นำต่างๆรอบคาบสมุทรอาหรับในยุคของท่าน จากนั้นก็พูดกับซอฮาบะฮ์ที่อยู่กับท่าน ระหว่างพิธีฮัจญ์อำลาว่า : “จงถ่ายทอดจากฉันแม้แต่หนึ่งอายะฮ์” และขอให้พวกเขาเป็นสักขีพยานจากนั้นก็ให้อัลลอฮ์ ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด เป็นพยาน

ชาวมุสลิมในยุคแรกได้ถ่ายทอดศาสนาของอัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจและประเสริฐ และหลายชนชาติต่างๆก็เข้ารับอิสลาม เพราะพวกเขาพบว่าอิสลามมีหลักการและค่านิยมที่สูงส่ง ไม่ว่าจะในคัมภีร์กุรอ่านอันสูงส่งหรือในซุนนะฮ์ของศาสดา ศอลฯ หรือในวิถีชีวิตของชนในยุคศตวรรษที่ดีเยี่ยมที่สุด…

จากนั้นชาวมุสลิมก็เริ่มละทิ้งศาสนาอิสลามทีละเล็กทีละน้อย และหลังจากที่พวกเขาเป็น “ชาติที่ดีที่สุดที่ถูกส่งมาเพื่อมนุษยชาติ” ก็กลายเป็นผู้ที่สังคมโลกมองว่าเสื่อมทรามในทุกด้าน เราไม่ได้พบการจัดอันดับประเทศทั่วโลกในด้านต่างๆ ยกเว้นจะพบว่าประเทศที่อยู่ในอันดับล่างสุดของการจัดอันดับคือบรรดาประเทศที่ถูกถือว่าเป็นประเทศอิสลาม และเราย้อนกลับไปสู่สิ่งที่อิหม่ามอัลอิบราฮิมีย์เรียกว่า: “ญาฮิลียะฮ์ที่ปราศจากจริยธรรมญาฮิลียะฮ์” หากทว่า อิหม่ามอัลอับลี อาจารย์ของอิบนุคอลดุน – ในศตวรรษที่แปดแห่งการฮิจเราะฮ์ กล่าวถึงความเสื่อมโทรมของสภาพของชาวมุสลิมว่า “หากไม่ใช่เพราะการสิ้นสุดของวะห์ยู เราคงได้รับการประทานวะห์ยูมากกว่าผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของอิสราเอล เพราะเราทำผิดมากกว่าที่พวกเขาทำ ตกอยู่ภายใต้อารมณ์ความปรารถนาและการหายไปของเครื่องหมายแห่งความกตัญญูต่ออัลลอฮ์” (Aburas Al-Nasir: Al-Halal Al-Sindsi…p. 457)

อาจารย์นาซีร์ อัลมัสมูดี เขียนไว้ในหนังสือ “เมื่อไหร่มุสลิมจะเข้าอิสลาม” และ “ผู้นับถืออิสลาม” ว่า ความจริงมุสลิมควรจะยึดมั่นในศาสนาอิสลามมากขึ้นในทุกด้านของชีวิต แต่ในความเป็นจริงภาพลักษณ์ของพวกเขาในยุคหลังๆ แย่ยิ่งกว่าผู้ที่ไม่ใช่ชาวอิสลาม ยกเว้นผู้ที่พระเจ้าเมตตาและน้อยคนนักที่เป็นเช่นนั้น

และเราเคยตั้งความหวังไว้กับสิ่งที่มาลิก บิน นาบี กล่าวในงานเขียนซึ่งผลงานชิ้นสุดท้ายในชีวิตของท่าน ในหนังสือ “บทบาทและสาส์นของมุสลิมในช่วงที่สามของศตวรรษที่ 20” ว่า ในช่วงเวลานี้มุสลิมต้องนำเสนอสิ่งที่มนุษยชาติจำเป็นมากที่สุด อันได้แก่ลักษณะนิสัยที่ดีงาม แต่ช่วงสุดท้ายของศตวรรษที่ 20 ได้ผ่านไปแล้ว ตามด้วยไตรมาสแรกของศตวรรษที่ 21 ในขณะที่”อิสลามสถาน”กลับยิ่งแปรผันไปในทางที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

นี่คือสิ่งที่แย่ที่สุดที่ทำให้ กษัตริย์ฮัสซันที่ 2 บอกนักข่าวชาวฝรั่งเศสว่า สิ่งที่ทำให้ฉันรำคาญคือการติดสินบนเล็กน้อย เมื่อนักข่าวกล่าวว่า ชาวโมร็อกโกกำลังพูดว่า บุคคลระดับสูงในโมร๊อกโกรับสินบน (ดูหนังสือ: Memory of King, p. 105).

ที่กล่าวมานี้เป็นการกล่าวถึงประเทศอิสลามทั้งหมด สภาพที่เลวร้ายที่สุดในโลกเช่นนี้คือสิ่งที่กระตุ้นให้ อิซซุดดีน บะลีด จากเลบานอน เขียนหนังสือเล็ก ๆ ในหัวข้อ: “ไม่ใช่เพื่อการเป็นอิสลามของต่างศาสนิก แต่เพื่อการเป็นอิสลามของชาวมุสลิม” ที่ส่วนใหญ่กำลังหลอกลวงอัลลอฮ์ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว พวกเขาหลอกตัวเองเท่านั้น