การจัดการศึกษาหลังโควิดที่ชายแดนภาคใต้กับบาทบาทฝ่ายการเมืองที่จะต้องลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะ “การศึกษาเพื่อความเท่าเทียม เป็นธรรม ทั่วถึงและมีคุณภาพ”

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

อันเนื่องมาจากการศึกษาในเขตพื้นที่พิเศษชายแดนภาคใต้มีการศึกษาที่หลากหลาย รูปแบบ หลายระดับ แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆในประเทศไทย ดังที่เราท่าน ทราบดี มีการศึกษาที่จัดโดยรัฐตั้งแต่ระดับอนุบาล -มัธยมปลาย มีสายสามัญ สายอาชีพ มีสายการจัดการศึกษาด้านศาสนาทั้งอิสลามศึกษา พุทธศาสนา มีโรงเรียนประจำมัสยิด ประจำวัดที่เปิดการเรียนวัน-เสาร์ อาทิตย์ มีตาดีกา สถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เอกชนสามัญ สถาบันท่องจำ และอื่นๆ หลายสถาบันก็เป็นโรงเรียนกินนอน มีนักเรียนอยู่หอพักประจำในขณะที่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ตามกำหนดการของรัฐบาลจะมีการเปิดเรียน(ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง) อันนี้ในส่วนของโรงเรียนในระบบ ในขณะการจัดการเรียนการสอนอื่นๆ ทั้งที่อยู่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ก็ต้องวางแผนเช่นกัน ซึ่งในส่วนของ สพฐ. กับกศน.ที่รัฐสนับสนุนทุกอย่างอาจดำเนินการได้อย่างราบรื่น แต่ในส่วนการจัดการศึกษาของหน่วยงานอื่นๆที่ชายแดนภาคใต้ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้เขียนคิดว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจต้องเปิดเวที รับฟังความคิดเห็น จากตัวแทนเเต่ละส่วนจริงอยู่ในแต่ละส่วนจะมีหน่วยงานรัฐเช่นผู้อำนวยการสำนักการศึกษาเอกชนแต่ละจังหวัดอาจมีการประชุมปรึกษาหารือแล้วบ้าง แต่ด้วยบุคคลเหล่านี้เป็นข้าราชการการดำเนินส่วนใหญ่จะเป็นคำสั่งจากบนลงล่าง มากกว่าหรือถ้าเสนอแนะก็ชักช้าในการตัดสินใจซึ่งแตกต่างกับช่องทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีหลายช่องทางทางการเมืองในการจะนำปัญหาไปแก้ไข หรืออาจใช้ช่องทางคณะทำงานคณะส.ส.ชายแดนภาคใต้ในการแก้ปัญหาโควิด จนมีการสรุปรายงาน และมีข้อเสนอแนะผ่านสื่อที่รัฐสภาผู้แทนราษฏรเมื่อช่วงอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน และด้วยวิธีนี้ “ก็จะสามารถแก้ปัญหา การศึกษาอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม หลากหลาย ทั่วถึงและมีคุณภาพ”