อิมรอน โสะสัน
นักศึกษาปริญญาเอก สถาบันนโยบายสาธารณะ AUT, ประเทศนิวแลนด์
แม่ของฉันเลี้ยงฉันจนโตเป็นฉันในวันนี้ ด้วยความเจ้าระเบียบ และความมุ่งมั่น เธออยากเห็นฉันมีชีวิตที่ดีมากกว่าตัวเธอเอง แม่ไม่เคยปล่อยให้ฉันอยู่เพียงลำพัง เธอจะใช้เวลาทุกวินาทีดูแล อบรมฉันให้ดีที่สุด เธอคือผู้ที่คอยผลักดันให้ฉันมีการศึกษาที่ดี แม่เป็นคนฉลาด ทว่า แม่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเหมือนอย่างฉัน เธอจึงพยายามให้สิ่งที่ดีที่สุดกับฉัน แม่ทุ่มเทเพื่อให้ฉันสบายในวันข้างหน้า
ฉันรู้ว่าแม่เป็นคนเคี่ยวเข็ญ แม่ไม่ค่อยปล่อยฉันไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนมากนัก แม่บอกว่า “ลูกอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียนมากพอแล้ว มิเช่นนั้น เพื่อนจะรู้จักลูกมากเกินไป” บางทีฉันคิดว่า แม่หัวแข็งกับฉันมากไปหรือเปล่า สุดท้ายฉันเองได้เรียนรู้ว่า ฉันคลุกคลีกับเพื่อนจนเลยเถิด มันส่งผลเสียถึงการเรียนของฉันเหมือนที่แม่เคยเตือนไว้
แม่ไม่เคยปล่อยให้ฉันห่างไกลจากสายตาของท่านเลย แม้ตอนที่ฉันต้องไปเข้าค่ายช่วงมัธยมปลายกับเพื่อน แม่จะขอร้องคุณครูให้อนุญาตเธอไปเฝ้าฉันในค่ายที่โรงเรียนจัดขึ้น ความดื้อรั้นของแม่ ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจมาก แม่จะเป็นแบบนี้ตลอด จนแม่คิดว่าพอแล้ว แม่ก็จะหยุดไปเอง
เมื่อฉันตัดสินใจเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น คราวนี้แม่ทำทุกอย่างเพื่อรบร้าวครูให้ดูแลความปลอดภัยของฉัน แม่พูดติดตลกว่า “แม่ตัวเล็กนิดเดียว เอาแม่ใส่กระเป๋าเดินทางไปกับลูกด้วยนะ”
แม่มีเหตุผลเดียวที่ไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปไหนโดยที่ไม่มีแม่ไปด้วย แม่กลัวฉันจะถูกทำร้าย เพราะฉันเป็นผู้หญิง บางครั้ง ฉันรู้สึกว่า แม่จำกัดฉันเกินไป ฉันเหมือนอยู่ในลูกกรงของเธอ เราทั้งคู่ไม่ได้เห็นพ้องตรงกันซะทุกเรื่อง แต่ทั้งหมด เป็นเพราะแม่ห่วงฉันมากเหลือเกิน
แม่ของฉันเป็นคนอ่อนหวาน มีเสน่ห์ ใครเห็นก็มักหลงรักเธอ ทุกคนชอบคุยกับแม่ บางทีแม่ป่วย แต่แม่ก็ไม่เคยหยุดช่วยเหลือพี่น้องในชุมชนที่เธอรัก
ทุกวัน แม่จะถามฉันว่า “วันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง?” แม่จะรอฟังเรื่องราวในโรงเรียนของฉัน และแม่ก็จะเอาข่าวจากเพื่อนของแม่มาเล่า แบ่งปันให้ฉันฟังด้วยความตื่นเต้น
ฉันยังคงจำเรื่องราวประทับของแม่ได้ติดตา มันไม่ง่ายที่จะเขียนบอกเล่าได้ทุกอย่าง ฉันแค่รู้ว่า แม่รักฉันมาก ฉันเองก็ภูมิใจที่จะบอกว่า “แม่คือตัวอย่างของแม่ที่ดีที่สุดที่แม่ทุกคนควรจะเป็น”
———————–
เมื่อป้าหยุดรถตรงที่จดรถส่วนบุคคลของบ้าน ฉันเห็นบางอย่างดูผิดตาไป มีรถมากมายจอดรอบบ้านของฉัน ฉันเห็นพ่อของฉันรออยู่บริเวณที่จอดรถ บางคนกำลังขับรถออกจากบ้านของฉัน ฉันดีใจจนพูดไม่ถูกที่ฉันเห็นพ่ออีกครั้ง ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อมาก ฉันรีบวิ่งไปกอดท่าน ฉันสังเกตใบหน้าที่เคร่งขรึมของพ่อ มันมีบางอย่างที่ฉันสงสัย และฉันไม่ลังเลที่จะถามพ่อ “แม่อยู่ไหน?” ใบหน้าพ่อสั่น พ่อร้องไห้ออกมา และพูดว่า “แม่อยู่กับอัลลอฮ์แล้วลูก”
ขณะนั้น มันเหมือนว่าโลกหยุดหมุน ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันบังคับความรู้สึกของฉันไม่ได้ ฉันร้องไห้เสียงดังลั่น ฉันมั่นใจว่า เพื่อนบ้านต้องได้ยินเสียงร้องของฉัน “พ่อกำลังจะบอกลูกว่า ลูกจะไม่มีแม่อีกต่อไปแล้วใช่ไหมคะ” ฉันถามพ่อ “ไม่! พ่อโกหกลูก” ฉันถามซ้ำไปซ้ำมา
ฉันเฝ้าคิดเสมอว่า “ฉันจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อแม่ไม่อยู่แล้ว ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย” หลายสิ่งหลายอย่างวิ่งวนในหัวของฉัน ราวกับว่า เสียงกระซิบของแม่คอยบอกฉัน “อย่ากังวลไปนะลูก”
ความทรงจำของแม่ช่วยให้ฉันผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ฉันรู้สึกว่าฉันมีความกล้าหาญมากขึ้น จากนั้น ฉันได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนสนิทของฉัน แน่นอน ฉันร้องไห้กับพวกเขา มันบรรเทาจิตใจฉันให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ฉันไม่อาจเรียกร้องให้แม่กลับมาหาฉันได้อีก แล้วทำไมฉันต้องยอมจำนนต่อความเสียใจและความเศร้าหมองให้ทำลายชีวิตของฉันด้วย
————————————–
แม่เลี้ยงดูฉันด้วยวินัยที่เคร่งครัด แต่แฝงด้วยความรักอันอบอุ่น เธอถ่ายทอดความรู้ศาสนาอิสลามให้กับฉัน แม่ของฉันป่วยเป็นโรคโครห์น (Crohn’s Disease) เธอต้องวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ หลังจากที่แม่เข้าผ่าตัดใหญ่ จากนั้น เธอมักจะสอนเกี่ยวกับความตายให้ฉันฟังเสมอ
เราคุยกันว่า “ถ้าแม่จากไปอย่างกะทันหัน ฉันจะทำอย่างไร?” แม่แนะนำฉันว่า “จำไว้นะลูก! ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ลูกต้องคิดบวก และขอพรสำหรับโลกหน้า”
ถึงแม้ว่า บทสนทนาจะดูไม่สนุกนัก แต่ครอบครัวของฉันได้ฝึกให้ฉันเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้เสมอ
แม่จากฉันไปด้วยความสงบในวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนี้ช่วยให้ฉันไม่คิดเสียใจ แม่ของฉันได้อุทิศตนเพื่อพระองค์ (ชะฮีดะห์) เธอจากไปในขณะที่กำลังปฏิบัติศาสนกิจเพื่ออัลลอฮ์เจ้า และพยายามช่วยผู้อื่นให้รอดจากผู้ก่อการร้ายในมัสยิด พระองค์ย่อมเมตตาและตอบแทนผู้เสียสละตนในวิถีทางของพระองค์ด้วยความดีอันยิ่งใหญ่และสวรรค์ของพระองค์
ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกเสียใจ ฉันหวนคิดถึงทำสอนของแม่ ฉันกล้าหาญขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ ฉันผ่านความเสียใจนั้นไปได้แล้ว แต่…บางครั้ง ฉันยังร้องไห้อยู่บ้าง เพราะฉันคิดถึงแม่ คิดถึงเสียงของแม่ ไม่ใช่เพราะแม่จากฉันไป
การจากไปของแม่ในวันนั้น เปลี่ยนชีวิตฉันไปมาก ฉันโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ฉันเริ่มสนุกกับงานบ้าน การเรียน และสังคมรอบตัว ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น และเชื่อว่า แม่ต้องภูมิใจในตัวฉัน
—————————-
สำหรับใครก็ตามที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งไป ฉันอยากจะบอกว่า อย่าหนีปัญหา ให้คิดบวกเสมอ ไม่เช่นนั้น เราจะติดกับดักความโศกเศร้า ความอาลัยโดยที่ไม่สามารถฉุดรั้งมันขึ้นมาได้อีก เราควรยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตให้ได้ จงแต่งแต้มใบหน้าด้วยรอบยิ้มของเรา และก้าวเดินต่อไป……
“วัลลอฮุอะลัม วะอะลา วะอะห์กัม”
(บทความนี้แปลและเรียบเรียงจากข้อเขียนบางส่วนโดย Shifa Ahmed ลูกสาวของ Husna Ahmed ที่ได้เขียนถึงความดีงามของแม่ของเธอไว้ในหนังสือชื่อ “Husna’s Story” เขียนโดย Farid Ahmed ผู้เป็นสามี หนังเล่มนี้ตีพิมพ์เดือนมีนาคม 2020 เพื่อระลึกถึงชีวิตอันงดงามของภรรยา การอภัยต่อคนร้ายที่คร่าชีวิตภรรยาอันเป็นที่รัก และโศกนาฏกรรมไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2019 ซึ่ง Husna Ahmed ภรรยาของผู้เขียนเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนโลกเมื่อหนึ่งปีก่อน “ขอพระองค์ทรงเมตตาและทรงรับดวงวิญญาณของผู้เสียสละในหนทางของพระองค์ทุกคนด้วย…อามีน”)
730 total views, 2 views today
More Stories
SEC ภาคใต้กับSEA สงขลา-ปัตตานี
สู่พรบ.สันติภาพ เพื่อประกันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้
ฮัจญ์ไทยในภารกิจทูตสันติภาพใน 3 ภารกิจ จชต.