พฤศจิกายน 28, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

เปิดมหกรรม Date In South กระตุ้นการค้าชายแดน สานมือ รมต.ไทย-มาเลเซีย ที่สุไหงโกลก เชื่อมโยงพัฒนา 9 ช่องด่าน นโยบายรัฐ หวังยกระดับเศรษฐกิจการค้าชายแดนใต้

แชร์เลย

รายงานพิเศษ..

โดย รพี มามะ บรรณาธิการ  ภาพทีม SPMC

(วันที่ 31 มกราคม 2563) ที่สนามกีฬามหาราช เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดมหกรรมแสดงสินค้าและเจรจาจับคู่ธุรกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายบูรฮันร์ สะเม็าะ ที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจมุสลิมนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้ประกอบการและประชาชนจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจากมาเลเซียเข้าร่วมงาน จำนวนกว่า 5,000 คน

ซึ่งมหกรรม Date In South  แสดงสินค้าจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2563 โดยในวันนี้ ดาโต๊ะซรี ไซฟุดดีน นาซูตีออน บินอิสมาอีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในและกิจการผู้บริโภค ของประเทศมาเลเซียได้เดินทางมาร่วมในพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ประเด็นการค้าชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยไทยและมาเลเซียมีมูลค่าการค้าชายแดนและการค้าระหว่างประเทศต่อกันแต่ละปีเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นเหมือนบ้านพี่เมืองน้อง พึ่งพาอาศัยกันมาอย่างยาวนาน มีความคล้ายคลึงกันทั้งการนับถือศาสนา ชาติพันธุ์ ความคิดความเชื่อ ความนิยมชมชอบอุปโภค บริโภคสินค้าและบริการที่สอดคล้องตรงกันดังจะเห็นได้จากสินค้าที่ผลิตตามมาตรฐานฮาลาลเป็นที่ต้องการของตลาดทั้ง 2 ประเทศ มีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีบนพื้นฐานการสานสัมพันธ์ที่ดีงามของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ

สำหรับมหกรรมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทาง ศอ.บต.ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยสมาคมนักธุรกิจมุสลิมนราธิวาส จัดแสดงสินค้านานาชนิดจากผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย กว่ารวม 200 บูธ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนและพัฒนาความรู้ สร้างเครือข่ายนักธุรกิจในพื้นที่ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมใหม่และขยายตลาดในการจำหน่ายสินค้าและบริการให้ก้าวสู่อินเตอร์

ที่สำคัญทาง ศอ.บต. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยพร้อมให้การสนับสนุนเศรษฐกิจของภาคเอกชนให้กระเตื้องขึ้น ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่ามหกรรมแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจการค้าชายแดนใต้ระหว่าง 2 ประเทศ ในห้วง 3 วันที่จัดงาน คาดว่าจะมีเม็ดเงินแพร่สะพัดกว่า 20 ล้านบาทเฉพาะพื้นที่ เขตเทศบาลสุไหงโกลก จ.นราธิวาส

งานแสดงสินค้า และเจรจาธุรกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ มีการแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการจากมาเลเซีย อันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี และกิจกรรมสำคัญคือการประชุม IMT-GT หรือโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจสามฝ่าย ที่ประกอบด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งผู้ประกอบการตอบรับเดินทางมาเข้าประชุมกว่า 80 ท่าน อันจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นในระดับอนุภูมิภาค

นอกจากนี้นายนิพนธ์ บุญญามณี ได้กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในและกิจการผู้บริโภค ประเทศมาเลเซีย  เลขาธิการ ศอ.บต. ที่ได้บูรณาการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการและภาคเอกชนโดยสมาคมนักธุรกิจมุสลิมนราธิวาส ในการดำเนินการ    จัดกิจกรรม ที่มีความสำคัญ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะสามารถช่วยผู้ประกอบการ ได้เจรจาธุรกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี และช่วยขยายตลาดการค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเน้นในเรื่องของการค้าการขายแล้ว ยังเป็นการยกระดับ สร้างความเชื่อมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย เพราะถือว่าทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกัน นอกจากนั้นเรายังมีความสัมพันธ์ ในเรื่องของศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ มีความร่วมมือในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ  และสิ่งสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ ทางรัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการค้า โดยจะมีการลดเงื่อนไข เพื่อความสะดวกในเรื่องการค้า และจะยกระดับการค้าการขายชายแดน ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ไทย-มาเลเซีย มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาทั้ง 9 ด่าน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด่านบ้านบูเก๊ะตา ซึ่งมีขนาดพื้นที่ 262 ไร่ อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาเป็นด่านเชิงเดี่ยวให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้  

โดยขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเวนคืนที่ดิน เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารและจัดวางระบบต่างๆ ขณะที่พื้นที่ด่านฝั่งมาเลเซียได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมรองรับแล้ว  ซึ่งมาเลเซีย รับที่จะสานต่อในส่วนมาเลเซีย เพื่อเชื่อมต่อส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลประโยชน์ของ 2 ประเทศ และรัฐมนตรี ของมาเลเซีย รับที่ต่อยอด การค้าการลงทุน กับ ไทย ในด่าน 9 ด่าน ซึ่งที่ผ่านมา มักมองข้าม และมองการลงทุนข้ามประเทศที่ไกล ทั้งที่ 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ และประเทศเพื่อนบ้านที่ดี นับกว่าศตวรรษ ภาคการลงทุนจะต้องถูกขยายการลงทุน ในด่านชายแดนทางใต้ของไทย และเป็นทางตอนเหนือของมาเลเซีย

ให้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ถ้าเศรษฐกิจในพื้นที่บ้านบูเก๊ะตาฟื้นขึ้นมาได้ ก็จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของพื้นที่อ.สุไหงโก-ลกด้วยเช่นกัน เพราะสุไหงโก-ลกถือเป็นเมืองต้นแบบของการค้าขายในพื้นที่ชายแดน สำหรับมูลค่าการค้าชายแดน 9 ด่าน ทั้งส่งออกและนำเข้า ระหว่างปี 2560-2562 ประกอบด้วยปี 2560 มีมูลค่า 552,854.66 ล้านบาทปี 2561 มูลค่า 57,110.88ล้านบาท และ ปี 2562 มูลค่า 541,631.74 ล้านบาท

หลายปีการรอคอยของประชาชน อยาก เห็นการพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเศรษฐกิจดี ซึ่งนี้จะเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่รัฐบาลมีความจริงใจและทุ่มเท่งบประมาณ  และให้ ศอ.บต.เป็นเจ้าภาพ ติดตามเพื่อขับเคลื่อน 9 ด่าน เพื่อยกระดับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ที่จะสร้างได้ต่อพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมั่นคง เลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวทิ้งท้าย

/////////////////////////////////////////////////////

 971 total views,  2 views today

You may have missed