โดย: อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ท่ามกลางกระแสการดีเบตทางวิชาการศาสนาที่ดุเดือดในพื้นที่ชายแดนใต้ล่าสุด ซึ่งถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วผ่านโลกโซเชียล อาจารย์อนัส แสงอารีย์ ในฐานะผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ ได้ฝากข้อคิดและ “ความห่วงใย” ที่ลึกซึ้งต่อทิศทางการเผยแพร่ศาสนาในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะสรุปแง่คิดสำคัญเพื่อเป็นบทเรียนแก่เหล่านักวิชาการและผู้เสพสื่อทุกคน
1. ขอบเขตของความเห็นต่าง: อย่าให้ “วิชาการ” ทำลาย “พี่น้อง”
ความแตกต่างในเชิงนิติศาสตร์ (Figh) หรือรายละเอียดทางหลักเชื่อมั่น (Aqidah) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาตั้งแต่สมัยบรรพชน (สะลัฟ) ทว่าปัญหาที่อาจารย์อนัสกังวลคือ “การขัดแย้งที่เกินขอบเขต”
- ในอดีต: ความเห็นต่างคือความงดงามและการขยายพรมแดนทางปัญญา
- ปัจจุบัน: ความเห็นต่างมักถูกนำมาใช้เป็นอาวุธเพื่อสร้างความบาดหมาง จนทำลายหัวใจสำคัญของความเป็นพี่น้อง (อุมมะฮฺ) ที่อิสลามเน้นย้ำ
2. กาละเทศะและกลุ่มเป้าหมาย: ชาวบ้านต้องการ “ทางนำ” ไม่ใช่ “ความสับสน”
หนึ่งในประเด็นแหลมคมคือการนำ “ประเด็นเชิงลึก” มาพูดในที่สาธารณะ อาจารย์เตือนว่า ชาวบ้านทั่วไป (อะวาม) คือกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องการแนวทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
-
การโยนประเด็นที่ละเอียดอ่อนหรือประเด็นปลีกย่อยที่ซับซ้อนลงไปในโลกโซเชียล ไม่เพียงแต่จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการศรัทธา แต่กลับสร้าง “ความหวาดระแวง” และความสับสนว่าทางไหนคือทางที่ถูกต้องกันแน่
3. จัดระเบียบพื้นที่: เรื่องลึกซึ้งควรอยู่ใน “วงจำกัด”
อาจารย์เสนอทางออกว่า ประเด็นที่เสี่ยงต่อความขัดแย้งควรถูกตีกรอบให้อยู่ใน “วงวิชาการ” (Academic Circle) เท่านั้น
- ต้องมีมารยาท (Adab): การถกเถียงต้องตั้งอยู่บนหลักฐานและความรับผิดชอบ ไม่ใช่การสร้าง “ดราม่า” เพื่อยอดวิวหรือการเอาชนะ
- การสื่อสารในพื้นที่สาธารณะควรเน้นสิ่งที่สร้างสรรค์และรวมหัวใจผู้คนเข้าด้วยกัน
4. ฟิตนะฮฺในยุคที่ไร้ศูนย์กลาง: การระมัดระวังคือเกราะป้องกัน
ในยุคที่เราไม่มีศูนย์กลางอำนาจคอยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางความคิดอย่างเบ็ดเสร็จ นักวิชาการเปรียบเสมือนถือคบเพลิง
“หากถือไม่ดี คบเพลิงนั้นอาจกลายเป็นเชื้อไฟที่เผาผลาญความสงบสุขของสังคมมุสลิมเอง”
การวางบริบท (Context) ของข้อมูลจึงสำคัญมาก เพราะในโลกไร้พรมแดน คำพูดเพียงประโยคเดียวสามารถถูกตัดต่อและขยายความจนกลายเป็นความวุ่นวาย (Fitnah) ที่ยากจะควบคุม
บทสรุป: พลังของเอกภาพคือทางรอด
อาจารย์อนัสได้อ้างถึงอัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัลอันฟาล อายะฮฺที่ 46 เพื่อเตือนใจว่า:
“จงอย่าขัดแย้งกัน จนทำให้พวกเจ้าอ่อนแอและสูญเสียพลัง”
การรักษาความบริสุทธิ์ของหลักการศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องเดินควบคู่ไปกับ “ความเมตตา” และ “มารยาท” การเผยแพร่ศาสนาในยุคใหม่จึงไม่ใช่แค่การพูดความจริง แต่คือการเลือก “ความจริงที่เหมาะสมกับเวลา สถานที่ และบุคคล” เพื่อรักษาเอกภาพของสังคมมุสลิมให้ยั่งยืน
หมายเหตุอ่านทัศนะท่านฉบับเต็มใน
https://www.facebook.com/share/p/19zvsVJBoi/?mibextid=wwXIfr
718 total views, 718 views today

More Stories
เส้นแบ่งที่พรรคประชาชนต้องเลือก: เมื่อ “เสรีภาพ” ปะทะ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” กรณีโชติศักดิ์ อ่อนสูง กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ภายในพรรคประชาชน (ปชน.)
บทพิสูจน์ภาวะผู้นำของ “อันวาร์” : ท่ามกลางกองเพลิงสงครามไทย-กัมพูชา หลังปรับคณะรัฐมนตรีใหม่
โจทย์ท้าทายด้าน “การศึกษาและภูมิคุ้มกันทางความคิด”: ภารกิจ ศอ.บต. สู่สันติภาพยั่งยืนปี 2569