พฤษภาคม 5, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

สันติภาพ การพัฒนาและความยุติธรรม

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์(อับดุลสุโก ดินอะ)

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน

(12 ธันวาคม 2562) เครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนประมาณ 200 คน ประชุมสัมนาเชิงปฎิบัติการ “สมัชชาสันติภาพปาตานี / ชายแดนใต้ 2019 ณ ศูยน์ประชุมราชกาล(ศ.อ.บ.ต) โดยมีมติในการเสนอนโยบายสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  “สันติภาพ การพัฒนาและความยุติธรรม” 

ตระหนัก  ว่าการสร้างประเด็นปัญหานโยบาย (Problematic) ในแบบใหม่ที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในการกำหนดประเด็นปัญหาและนำไปสู่วาระเชิงนโยบายสาธารณะที่ก้าวหน้า จะส่งผลต่อการแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน  มากกว่าเป็นนโยบายสาธารณะที่กำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหรือชนชั้นนำแต่เพียงอย่างเดียว

กังวล   ต่อปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มมีความรุนแรงอย่างชัดเจนในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และมีความต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ นับเป็นเวลาได้ ๑๖ ปีแล้ว ปัญหาที่ทำให้เหตุการณ์ขยายตัวลุกลามมาจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะพิเศษที่ในทางวิชาการที่เรียกว่าความขัดแย้งเชิงโครงสร้างการเมืองการปกครอง (Political Structure) และเชิงอัตลักษณ์ (Identity Conflict)

ชื่นชม ว่าท่ามกลางการเกิดพลวัตของความขัดแย้งแต่ก็ยังเกิดกลุ่มพลังทางสังคมหลายกลุ่ม ทั้งภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาคการเมืองและภาครัฐ ที่ร่วมดำเนินการเพื่อสร้างสันติสุขในพื้นที่ ซึ่งก็ส่งผลให้ระดับความรุนแรงจำกัดตัวในระดับหนึ่ง

รับทราบ  ว่าสาเหตุหลักที่เป็นรากเหง้าปัญหาก็คือ ประเด็นเรื่องอัตลักษณ์ คนมลายูมุสลิมซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้  มีความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์มุสลิม มลายูปาตานี  โดยสำนึกทางประวัติศาสตร์  แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกับคนไทยพุทธซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในพื้นที่ในสังคมหลากหลายทางวัฒนธรรมได้ อีกด้านหนึ่งประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งกับรัฐในอดีตก็ยังคงส่งผลมาถึงปัจจุบันด้วย เนื่องจากในอดีต รัฐไทยพยายามเปลี่ยนรัฐปาตานีเก่าให้มีโครงสร้างทางการเมืองการปกครอง  ระบบการศึกษา ระบบกฎหมาย วัฒนธรรมและภาษาให้เป็นแบบไทยอย่างเข้มข้นภายใต้นโยบายที่เรียกว่าการผสมกลมกลืน (Assimilation) และเกิดการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหลายอย่างจากเจ้าหน้าที่รัฐในอดีต ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมทำให้เกิดขบวนการการต่อต้านทั้งที่ใช้ความรุนแรงและไม่ใช้ความรุนแรง

เห็นว่า    ปัญหาความรุนแรงทางตรง ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม  จะได้รับการแก้ไข ต้องอาศัยการสร้างพื้นที่กลาง (Common Space) โดยภาคประชาชนจากทุกฝ่าย สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น เป็นกระบวนการที่ให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเรียนรู้อย่างสมานฉันท์เพื่อนำไปสู่การเสนอแนะ  นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะของประชาชนในพื้นที่  โดยจัดให้มีการประชุมอย่างเป็นระบบและมีส่วนร่วมด้วยการใช้ประเด็นสาธารณะเป็นตัวตั้งในการดำเนินการ เป็นกระบวนการที่มีความสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน

 

จึงมีมติดังต่อไปนี้

          ด้านกระบวนการสันติภาพ

  • ขอให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค ๔ สน.)  คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและสำนักจุฬาราชมนตรี กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ ดำเนินการดังต่อไปนี้

๑.๑ สนับสนุนการสร้างกลไกภาคประชาสังคม นักวิชาการ นักการเมือง ภาคเอกชน ภาครัฐ และทุกกลุ่มที่หนุนเสริมและเป็นตาข่ายนิรภัย (Safety Net) รองรับการพูดคุยสันติภาพ

๑.๒ ส่งเสริมกลไกแบบมีส่วนร่วมที่มีอยู่ระดับหมู่บ้านและตำบลในพื้นที่ให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อรับทราบความต้องการของชุมชนและถอดบทเรียนการสร้างสันติภาพ รวมทั้งการสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม

๑.๓ สนับสนุนให้มีการจัดพิมพ์เผยแพร่แนวทางการปฏิบัติของมุสลิม เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในด้านศาสนาอิสวลาม (ตำตอบจุฬาราชมนตรี ประเสริฐ มะหะมัด) 23 ข้อที่ออกโดยสำนัก

จุฬาราชมนตรี ต่อสาธารณะ

๑.๔ สนับสนุนการสร้างเวทีของเครือข่าย เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำเสนอต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุข

๑.๕ พัฒนากลไกภาคประชาสังคมและเครือข่าย เพื่อสนับสนุนการสื่อสารสันติภาพและการ

เปลี่ยนแปลงสังคม

๑.๖ รับรองสิทธิในการสื่อสารของประชาชนและเสรีภาพของสื่อ จรรยาบรรณ

๑.๗.ขอให้กระบวนการพูดคุยสันติสุขทั้ง 2 ฝ่าย เปิดช่องทางให้ภาคประชาสังคมและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการพูดคุย ติดตาม รับรู้ความคืบหน้าและผลการพูดคุยในช่วงเวลาที่เหมาะสม

  • ขอให้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดำเนินการดังต่อไปนี้

๒.๑  สนับสนุนการสร้างห้องเรียนสันติภาพในสถาบันการศึกษาทั้งในและนอกระบบในทุกระดับตั้งแต่ปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ถึงระดับมหาวิทยาลัย การจัดเวทีการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สนับสนุนโดยสถาบันวิชาการ  จัดหลักสูตรวิชาสันติศึกษา การสร้างคู่มือพหุวัฒนธรรม

๒.๒  สนับสนุนให้มีการจัดการศึกษา วิจัยและเรียนรู้รูปแบบการเมืองการปกครองที่หลากหลายในระบอบประชาธิปไตย ภายใต้หลักการกระจายอำนาจที่เหมาะสมกับพื้นที่และเป็นทางออกในกระบวนการสร้างสันติภาพในประเด็นรูปแบบการกระจายอำนาจและการเรียนรู้ต่างศาสนิกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่และเป็นทางออกในกระบวนการสร้างสันติภาพ

๒.๓ ส่งเสริมการสร้าง พัฒนาและขยายเครือข่ายเด็กเยาวชนและสตรีเพื่อเรียนรู้และส่งเสริมสันติภาพและสร้างวัฒนธรรมสันติภาพและรับรองการขับเคลื่อนกิจกรรมการเรียนรู้สันติภาพของเด็กและเยาวชนทั้งในระบบและนอกระบบห้องเรียน

๒.๔ สนับสนุนหลักปฏิบัติตามอัตลักษณ์ของคนทุกศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่

ด้านการพัฒนา

  • ขอให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ กองอำนวยการความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในระดับจังหวัดที่อยู่ภายใต้กระทรวงต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ เกษตรจังหวัด ชลประทานจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด  เกษตรและสหกรณ์จังหวัด  พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด  สาธารณสุขจังหวัด สถาบันการเงินในพื้นที่ (สหกรณ์) และสภาเกษตรจังหวัด ดำเนินการดังนี้

๑.๑ สร้างกลไกและกระบวนการในภาคประชาสังคมที่ส่งเสริมการรักษา พัฒนาและใช้

ทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน และการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยทางอาหาร

๑.๒ ส่งเสริมให้ชุมชนมีการทำเกษตรทางเลือกที่ยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร และการสร้างระบบเศรษฐกิจชีวภาพ

๑.๓ พัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจชุมชนในการพึ่งพาตนเอง และเชื่อมโยงในกระบวนการสร้างสันติภาพ

๑.๔ สนับสนุนงบประมาณและจัดตั้งกองทุนในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับสินค้าชุมชนให้มีคุณภาพ

๑.๕ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่รวมทั้งการศึกษา ทบทวน ติดตาม ประเมินผลนโยบายสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อลดและไม่สร้างเงื่อนไขความขัดแย้งอันเกิดจากการพัฒนาและให้เกิดสันติสุข โดยให้มีกลไกภาครัฐและภาคประชาชนร่วมดำเนินการ

๑.๖ สร้างการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่อโครงการพัฒนาที่มาจากภาครัฐ เช่น โครงการขุดคลองชลประทาน โครงการเมกะโปรเจก(โครงการใหญ่) และอื่น ๆ

๑.๗ ให้ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพเด็กและสตรีในการดูแลสุขภาวะและการป้องกันโรค

๑.๘ ให้สนับสนุนส่งเสริมยุทธศาสตร์การพัฒนาในพื้นที่ของภาคประชาชน

ด้านการสร้างความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน

  • ขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม  กระทรวงกลาโหม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ภาคประชาสังคมและขบวนการที่เห็นต่างจากรัฐ   ดำเนินการดังต่อไปนี้

๑.๑ การสร้างกลไกที่มาจากภาครัฐและภาคประชาสังคม เพื่อติดตามและประเมินผลกระทบจากปัญหาความยุติธรรมและการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากทุกฝ่ายในความขัดแย้งอย่างใกล้ชิด

๑.๒ ศึกษา เผยแพร่และทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกพื้นที่โดยภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคประชาชนเพื่อสร้างเป็นข้อเสนอทางนโยบายทางเลือกในการบังคับใช้กฎหมายของรัฐที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมกระบวนการสันติภาพ

๑.๓ รณรงค์ส่งเสริมให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งยึดหลักมาตรฐานสากลว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน (International Norm) และหลักมนุษยธรรม (Humanitarian) ในการปกป้องคุ้มครองชุมชนและภาคพลเรือน มิให้ได้รับผลกระทบจากการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายผู้มีความเห็นต่างจากรัฐและฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ

๑.๔ ใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเสมอภาค

 

 958 total views,  2 views today

You may have missed