ภาพ/ข่าว อดินันท์ มะลี อ.เบตง จ.ยะลา…
(18มิ.ย.62) เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลบริโภคทุเรียนของชาวอ.เบตง จ.ยะลา รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่นิยมบริโภคทุเรียน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า จะต้อง มีโอกาส ได้หารับประทานทุเรียน 3 สายพันธุ์ ที่มีชื่อเสียง ในพื้นที่ของ อ.เบตง เลื่องลือไปไกล อันได้แก่ ทุเรียนพวงมณี ทุเรียนมูซานคิงส์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เมาซานหว่อง นอกจากนี้ยังมีทุเรียนอีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่น่าสนใจรสชาดไม่เป็นรองทุเรียนมูซานคิงส์ คือ ทุเรียนโอวฉี หรือ ทุเรียนหนามดำ
นายเสริมยศ กีรติชีวนันท์ เจ้าของสวนทุเรียนในพื้นที่ หมู่ที่ 2 หมู่บ้านอัยเยอร์ซอ ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา กล่าวว่า ทุเรียนโอวฉี หรือ ทุเรียนหนามดำ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจากประเทศมาเลเซีย เกิดจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทางการเกษตรของประเทศมาเลเซีย โดยได้ใช้ความพยายามอยู่เป็นเวลานานถึงกว่า 20 ปี ในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ทุเรียนจำนวนหลากหลายสายพันธุ์
จนในที่สุดได้พันธุ์ทุเรียนที่ดีที่สุดขึ้นมาหนึ่งสายพันธุ์ และตั้งชื่อว่า “ทุเรียนโอวฉี” เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ทุเรียนหนามดำ” ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของพันธุ์นี้ เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตคือ ผลของทุเรียน จะต้องมีสีดำที่บริเวณก้น อันเป็นลักษณะที่ไม่พบเห็นในทุเรียนสายพันธุ์อื่น ซึ่งเกษตรกรชาวมาเลเซียได้มีการนำเอาทุเรียนสายพันธุ์ดังกล่าวไปปลูกเพื่อเก็บผลสุกรับประทานในครัวเรือน และเก็บผลสุกแกะเอาเนื้อวางขายได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ล่าสุด “ทุเรียนโอวฉี” หรือ “ทุเรียนหนามดำ” ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดทุเรียนดีของประเทศมาเลเซียการันตีถึง 3 ปีติดต่อกัน
นายเสริมยศ กล่าวอีกว่า จากนั้นเกษตรกรในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ได้ทดลองนำเอาพันธุ์เข้ามาปลูกจนมีดอกและติดผลดกเป็นธรรมชาติและได้มีการขยายพันธุ์ด้วยวิธีเสียบยอดออกวางขาย กำลังได้รับความนิยมจากผู้ซื้อไปปลูกอย่างกว้างขวางอยู่ในเวลานี้ โดยลักษณะประจำพันธุ์เป็นทุเรียนที่มีทรงผลสวย เปลือกบาง เมล็ดเล็กและลีบ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองอมส้ม เนื้อละเอียดเนียน รสชาติหวานมันและหวานแหลมมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเยอะ รับประทานอร่อยมาก ที่สำคัญ “ทุเรียนโอวฉี” หรือ “ทุเรียนหนามดำ” จัดเป็นสายพันธุ์เบา หมายถึงมีดอกและติดผลได้ง่ายหลังปลูกเพียงแค่ 4–5 ปี สามารถมีดอกและติดผลได้แล้ว โดยปกติแล้วทุเรียนทั่วไปจะมีดอกและติดผลหลังปลูกอย่างต่ำ 9-10 ปีขึ้นไป น้ำหนักผลเฉลี่ยระหว่าง 2-3 กิโลกรัมต่อผล โดยเนื้อทุเรียน จะมีสีเหลืองทองสวยกว่า มูซานคิงส์ รสชาด หวานมัน เนื้อมีความเหนียวกว่า มูซานคิงส์ และไม่มีรสขม ราคาที่หน้าสวนอยู่ที่ 600 บาท ต่อกิโลกรัม น้ำหนักเฉลี่ย ลูกละ 3.5 – 5 กิโลกรัม ราคาต่อลูกจึงอยู่ที่ 2,000 – 3,000 บาท โดยประมาณ
หากท่านมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียน อ.เบตง จ.ยะลา จึงขอแนะนำว่า อย่าพลาดที่จะหารับประทานทุเรียนพวงมณี ทุเรียนมูซานคิงส์ และ ทุเรียนโอวฉี ทั้ง 3 สายพันธุ์ เพื่อจะเป็นการคอนเฟิร์มว่า ท่านได้มาถึง อ.เบตง จ.ยะลา แล้ว โดยแท้จริง
//////////////////////////////////////////////////////
1,455 total views, 2 views today
More Stories
เลขาฯ รมต.ยุติธรรม ชี้ มหกรรมแก้หนี้ ปลดหนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม แก้ปัญหาหนี้สิน 242 ล้าน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการ วิทยาลัยการอาชีพเบตง
เทศบาลเมืองปัตตานีจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อยอดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี