สัมภาษณ์พิเศษ…นักธุรกิจหนุ่มมุสลิมชายแดนใต้ ท่ามกลางความรุนแรง วิกฤติเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ที่มองกลับกันคือโอกาสทางธุรกิจความสำเร็จ

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์  (อับดุลสุโก ดินอะ) shukur2003@yahoo.co.uk (รพี มามะ บรรณาธิการข่าว)

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัดและผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน

ท่ามกลางความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้และเศรษฐกิจตกต่ำราคาพืชผลเกษตรกรในพื้นที่โดยราคายางพารา 4 กิโลกรัม 100 บาทปรากฏว่ามีเด็กหนุ่มนักธุรกิจคนหนึ่งพร้อมทีมงานสามารถฟันฝ่าอุปสรรคดังกล่าวได้  เพราะเขาและคณะมองว่าในขณะเรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเชื่อมต่อถึงกันผ่านโลกออนไลน์ด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้หลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้เราสามารถหาทุกอย่างได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพียงแตะนิ้วไม่กี่ครั้งบนหน้าจอ เราก็สามารถทำการซื้อขายสินค้ากับผู้คนที่อยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์

ด้วยความสะดวกสบาย ซื้อง่าย ขายคล่อง ทำให้พฤติกรรมของทั้งผู้ขายและผู้บริโภคเปลี่ยนไป ด้วยช่องทางและโอกาสดังกล่าวทำให้เขาและคณะ ไม่รอช้าที่จะนำความรู้ที่มีมาพัฒนาและต่อยอดตลาดสินค้าฮาลาลบนโลกออนไลน์ จึงเป็นที่มาของ Pinsouq Halal Marketplace ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมสินค้าฮาลาลไว้มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีสินค้าเกือบ 10,000 รายการจากร้านค้าทั่วประเทศ

เขาเป็นใครมาจากไหน  ผู้เขียนได้พบและสนทนากับเขาผู้นี้ดังนี้

1.ขอทราบประวัติและต้นสายปลายเหตุการดำเนินธุรกิจนี้

กระผม นายชารีฟ เด่นสุมิตร เป็นคนยะลาตั้งแต่กำเนิด ร่ำเรียนภายใน 3 จังหวัดมาตลอดตั้งแต่ ประถม จนถึง มัธยมปลาย ชารีฟมาจากครอบครัวที่มีพื้นเพราชการ จึงถูกปลูกฝังเพื่อร่ำเรียนเพื่อเข้ามาสู่การทำงานราชการที่ ทางครอบครัวมองว่ามั่นคง ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้มีแนวคิดที่แตกต่างจากสิ่งที่โดนปลูกฝังมากนักแต่เนื่องจากตนเองได้เข้าเรียน ปริญญาตรีในด้าน วิศกรรมซอฟต์แวร์ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต จึงทำให้ตนเองเริ่มเข้าสู่วงการเทคโนโลยีมากขึ้น และทำเข้าทำงานในส่วนของการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์หลังเรียนจบ

ต่อมาเมื่อทำงานได้ประมาณ 8 เดือนมีความรู้สึกว่าตนเองได้ใช้ความรู้ ความสามารถที่ตนเองมีได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อสังคมรอบข้างแล้วหรือยัง สิ่งที่ตนทำงานอยู่นอกจากจะสร้างฐานะให้ตนเองแล้ว มีอะไรบ้างที่คนอื่นจะได้สิ่งที่เราทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น

ด้วยความคิดนั้น จึงทำให้ตนเองตัดสินใจลาออกจากการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทเอกชน และเริ่มต้นเข้าสู่การทำกิจการส่วนตัวครั้งแรก โดยที่ตนเองไม่มีพื้นฐานด้านการค้าขายเลย จากที่ตนเองเติบโตมาในครอบครัวราชการ โดยกิจการแรกเริ่มต้นด้วยการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ บริหารจัดการโรงเรียน ที่โรงเรียนสามารถใช้งานได้ฟรี ไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบคอมพิวเตอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ขอแค่มีคอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ตก็สามารถใช้งานได้ทันที

แต่เนื่องจากประสบการณ์ยังน้อย จึงทำให้กิจการต้องปิดตัวลง เนื่องจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของตนเอง ที่มีองค์ความรู้เพียงแค่ศาสตร์แห่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่องค์ความรู้ในการทำกิจการไม่เพียงพอในการนำพาธุรกิจให้อยู่รอด

ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ตนเอง ต้องไปเรียนต่อปริญญาโท ตามที่สัญญากับที่บ้านว่าจะเรียนต่อปริญญาโท และจบมาสมัครงานในสายราชการ โดยสาขาที่ต่อเป็นสาขาด้านวิศกรรมซอฟต์แวร์ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

แต่กระนั้น สิ่งที่พระเจ้ากำหนดใว้ทดสอบชีวิต ยังหาที่สุดไม่ จากผลงานที่เคยทำในอดีต ทั้งรางวัลจากการประกวดของกิจการเดิม ในด้านระบบบริหารสถานบันการศึกษานั้น ได้ส่งผลให้ตนเองได้รับทุนการศึกษาปริญญาโทอีกใบ ในด้านบริหารธุรกิจหลักสูตร Young Executive MBA ณ มหาวิทยาลัยบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ซึ่งเป็นทุนรุ่นแรกที่ทางมหาลัยเปิดให้ นักศึกษาสามารถสอบแข่งขันได้ โดยคัดเลือกเพียงรุ่นละ 2 คนเท่านั้น

ด้วยเหตุนั้น จึงทำให้ชารีฟจำเป็นต้องร่ำเรียน ศาสตร์ในสองในเวลาเดียวกัน ทั้งวิศวกรรมซอฟต์แวร์ และ บริหารธุรกิจ โดยมีแนวคิดที่ยังอยากที่จะกลับมาสร้างสรรค์เครื่องมือที่ช่วยให้สังคมดีขึ้นอีกครั้ง และนั่นก็เป็นเหตุทำให้เกิด กิจการปัจจุบันในด้าน การพัฒนาระบบดิจิตอลฮาลาล ที่รองรับบริการด้านฮาลาลทุกประเภท ในการรวบรวมสินค้าฮาลาลทั้งหมด ให้พ่อค้าแม่ค้า สามารถจัดจำหน่ายสินค้าในระบบ พร้อมทั้งช่องทางการชำระเสร็จสรรพ อาทิเช่น บัตรเครดิต โอนเข้าธนาคาร เป็นต้น ในนามภายใต้แบรนด์Pinsouq Halal Marketplace (www.pinsouq.com) โดย Pinsouqมาจากรากศัพธ์2 คำ คือ Pin ที่มาจากภาษาอังกฤษที่สื่อถึงการระบุตำแหน่งสถานที่ และ Souk ที่มาจากภาษาอาหรับที่สื่อถึงตลาด นั่นเอง
2.คิดอย่างไรทำธุรกิจนี้ท่ามกลางความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้และเศรษฐกิจตกต่ำ(ราคาพืชผลเกษตรกรในพื้นที่โดยราคายางพารา 4 กิโลกรัม 100 บาท)
                 สำหรับชารีฟแล้วยึดหลักการของการทำกิจการ โดยใช้ปัญหาเป็นที่ตั้ง และกิจการต้องมีหน้าที่ในการเข้าไปหาวิธีการแก้ปัญหาเหล่านั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่เหมาะสม ที่ผู้ที่ถูกแก้ หรือถูกช่วยเหลือ พึงพอใจที่จะมอบสิ่งตอบแทนในรูปแบบรายได้กลับมา หรือฝรั่งมักจะชอบกล่าวว่า “Start with Why”  เพราะเหตุนั้น จึงทำให้เราได้ระลึกเสมอว่า
– ทำไมกิจการที่เราทำต้องมี?
– ไม่มีได้ไหม?
– แล้วถ้าไม่มี สังคมจะขาดอะไร?
– และถ้าหากมีสังคมจะได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งที่เราทำ?
– และสุดท้ายสังคมพร้อมจะมอบสิ่งตอบแทนกลับมาในรูปแบบใด ?

ดังนั้นจากการเริ่มด้วยการทำกิจการในรูปแบบนี้แล้ว จะทำให้สิ่งที่เราทำแตกต่างจากที่คนอื่นทำ เพราะคนที่รับรู้จะมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่มองสิ่งที่เราทำเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการหารายได้เพียงเท่านั้น ดังนั้นหากย้อนกลับมามองที่สถานที่ ที่เต็มไปด้วยวิกฤติ หากมองกลับกัน นั่นคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยโอกาสที่มากเช่นเดียวกัน

เพราะหากสถานที่นั้น เพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ดังนั้นกิจการเหล่านั้นจะมีใว้เพื่ออะไร ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ตอบประโยชน์และคุณค่าของผู้ที่ได้รับจากสิ่งที่เรากระทำ นั่นจึงเป็นเหตุให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่น อาจจะกล้าคิด แต่ไม่กล้าทำ ดั่งเช่นที่เราทำ

3.ข้อคิดต่อวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ทำธุรกิจเเต่ไม่ทำวิถีมุสลิมหายไป

ส่วนตัวมองว่า สิ่งหนึ่งที่เราควรระลึกถึงคือ เราทำกิจการเพื่ออะไร?ดั่งที่ท่านศาสดา ท่านได้สนับสนุนให้ผู้ศรัทธา ทำมาค้าขาย และการค้าขายนั้นต้องทำด้วยความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย สุดท้ายแล้วพระองค์อัลลอฮ์(พระเจ้า)ก็จะทรงมอบปัจจัยยังชีพที่เหมาะสมกลับมาให้เองดังนั้นหากเราคิดหลักง่าย ๆ เพียงเท่านี้ จะทำให้เราอยู่ในครรลองของศาสนา โดยที่ การที่เราถามว่าเราทำกิจการนี้เพื่ออะไร? นั่นจะทำให้เราพยายามทำในสิ่งที่ผู้ที่ได้รับได้คุณค่าสูงสุดจากสิ่งที่ให้ และหาเราทำมาค้าขายแบบยุติธรรม ก็จะทำให้เราไม่คิดคดโกง ไม่คิดที่จะใช้เล่ห์ เพทุบาย กับผู้ที่ได้รับ นั่นจะทำให้เราคิดเพื่อคนอื่นก่อนตั้งต้นตลอดเวลา จะทำให้เราไม่มองแต่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก นั่นจะช่วยพยุงให้เราอยู่ในครรลองที่ถูกต้องตลอดเวลา ถึงแม้อาจจะมีพลาดพลังบ้าง แต่อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันให้เราทำผิดพลาดได้น้อยที่สุด

สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จทุกประการ ต้องอย่าลืมว่านั่นใม่ใช่เพราะตัวเราแต่ทุกสิ่งพระองค์อัลลอฮ์(พระเจ้า)ทรงปราถนาทั้งสิ้นหากสิ่งที่เราคาดหวังได้มาเราก็ต้องขอบคุณพระองค์ และที่สำคัญเราต้องระลึกเสมอว่าเราไม่สามารถเติบโตได้เลยหากปราศจากคนรอบข้าง  สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือต้องไม่ทะนง หลงตัวเอง นอบน้อมถ่อมตน ขอบคุณ ขอบใจคนรอบข้าง

//////////////////////////////////////////////

 1,471 total views,  6 views today