อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ทุกท่าน

บัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ คือ กำลังสำคัญของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ทำหน้าที่เป็น “โซ่ข้อกลาง” หรือสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างภาครัฐและประชาชนในระดับชุมชนและหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) บุคลากรเหล่านี้เป็นลูกหลานในพื้นที่ที่จบการศึกษาระดับปริญญาและตัดสินใจกลับมาทำงานเพื่อบ้านเกิด
บัณฑิตอาสาคือใคร? และอะไรคือภารกิจ?
บัณฑิตอาสาเหล่านี้เป็นบุคลากรที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ มีภารกิจหลักที่หลากหลายและทรงคุณค่า ได้แก่:
- สะพานเชื่อม: เป็นผู้ประสานหลักและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน
- ผู้แทนภาครัฐระดับพื้นที่: นำนโยบายภาครัฐไปสู่การปฏิบัติ และเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
- การติดตามและตรวจสอบ: ประสาน ติดตาม และตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ในชุมชน
- การจัดเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลที่สำคัญ สภาพปัญหา ความต้องการ และข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่
- บทบาทสำคัญอื่นๆ: ทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล นักสื่อสารชุมชน และผู้ส่งเสริมความยุติธรรม
- การประเมินผล: ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามภารกิจในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา จชต.
ความท้าทายในการเป็น “โซ่ข้อกลาง”
แม้ว่าบัณฑิตอาสาจะเป็นคนในชุมชนและลูกหลานในพื้นที่ แต่การทำหน้าที่เป็น “โซ่ข้อกลาง” ก็มาพร้อมกับความท้าทายสำคัญที่ต้องก้าวข้าม เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง:
| ความท้าทาย | รายละเอียดและผลกระทบ |
|---|---|
| เงื่อนไขด้านรายได้และความมั่นคง | ข้อจำกัดเรื่องรายได้และสวัสดิการที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้ขาดความมั่นคงในชีวิตและส่งผลต่อขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานระยะยาว |
| ความเสี่ยงจากสถานการณ์ความไม่สงบ (ไฟใต้) | การปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ยังคงมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ทำให้บุคลากรต้องทำงานภายใต้ความกดดันและอันตราย |
| ความไว้วางใจจากชุมชน (การถูกมองเป็นคนของรัฐ) | แม้จะเป็นคนในพื้นที่ แต่การเป็นกลไกของ ศอ.บต. ทำให้บัณฑิตอาสาถูกมองว่า “เป็นคนของรัฐ” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจและอาจสร้างช่องว่างในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและความต้องการที่แท้จริงของชุมชน |
| แรงกดดันในการสื่อสารสองทาง | ต้องรับความคาดหวังจากทั้งภาครัฐ (การขับเคลื่อนนโยบาย) และชุมชน (การสะท้อนปัญหา) ซึ่งต้องใช้ทักษะการสื่อสารที่ละเอียดอ่อนสูงมาก |
ก้าวข้ามความท้าทาย สู่การเป็น “โซ่ข้อกลางที่เชื่อถือได้”

เพื่อให้บัณฑิตอาสาสามารถบรรลุภารกิจในการเป็นสะพานเชื่อมที่มีประสิทธิภาพและได้รับความไว้วางใจจากชุมชนอย่างแท้จริง การก้าวข้ามความท้าทายจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น “บุคลากรที่ทำงานเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง” มากกว่า “ตัวแทนของรัฐ”:
-
การยืนหยัดในหลักการ (ความเป็นกลาง):
- แสดงบทบาทเป็นกลางและเป็นกระบอกเสียงให้กับชุมชนอย่างซื่อสัตย์ เมื่อต้องสื่อสารปัญหาและความต้องการที่แท้จริงไปยังภาครัฐ
- สร้างความเชื่อมั่นผ่านการทำงานที่เน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและตรวจสอบได้
-
การพัฒนาคุณภาพเชิงลึก:
- ใช้ความรู้และทักษะในการ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และ การจัดการปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็นความต้องการหลักของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
- จากการเป็นผู้ปฏิบัติงาน (Implementer) สู่การเป็น ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ (Quality Changer) ตามนโยบายล่าสุดของ ศอ.บต.
-
การจัดการความมั่นคง:
- ข้อเสนอแนะต่อ ศอ.บต.: พิจารณาเพิ่มความมั่นคงด้านรายได้และสวัสดิการ เพื่อให้บัณฑิตอาสาสามารถทุ่มเทให้กับงานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเลี้ยงชีพในระยะยาว
- จัดให้มีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและการบริหารจัดการความเสี่ยงในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
บทเรียนอดีต สู่การวางแผนอนาคต: เพิ่มประสิทธิภาพบัณฑิตอาสาฯ
เมื่อเร็วๆ นี้ (18 พฤศจิกายน 2568) ศอ.บต. ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการมอบนโยบายและขับเคลื่อนการดำเนินงานบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ โดย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของบัณฑิตอาสาว่า เป็น “กำลังสำคัญ” ที่ทำงานเพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ และมอบนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาในเชิงคุณภาพ:
“บัณฑิตอาสาเป็นกำลังสำคัญของ ศอ.บต. …แม้เงินเดือนไม่มาก ไม่ได้หมายความว่าเราทำงานไม่ได้ อยากให้พัฒนาการทำงานมากขึ้นในเชิงคุณภาพ เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหา ยกระดับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ร่วมกับรัฐ”
การมอบนโยบายนี้เป็น ก้าวสำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับบทบาทของบัณฑิตอาสาฯ ในอนาคต ให้เน้นการทำงานเชิงรุกและการมีส่วนร่วมกับประชาชนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
บทบาทของบัณฑิตอาสาในฐานะ “โซ่ข้อกลาง” นี้ คือหัวใจสำคัญของการพัฒนา เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่ และนำความต้องการที่แท้จริงของประชาชนไปสู่การวางแผนและปฏิบัติของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาคุณภาพการทำงานตามนโยบายใหม่นี้ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ จชต. ก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
28,968 total views, 2 views today

More Stories
ชื่นชมผู้นำ “บ้านโคะ” ผู้ยึดมั่นหลักการอิสลาม: การต่อสู้เพื่อการเลือกตั้งที่ใสสะอาดและคุณธรรม
จุดเปลี่ยนชายแดนใต้กับบทบาทภาคประชาสังคม: จากข้อเสนอ พ.ร.บ. สู่การหนุนเสริมของ ศอ.บต.พร้อมข้อเสนอแนะ
การบูรณาการบทเรียนอิสลามจากสถานการณ์น้ำท่วม สู่การพัฒนาสมรรถนะการจัดการภัยพิบัติในศตวรรษที่ 21