ธันวาคม 12, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

“หมอนทองวิทยา” รองแชมป์ที่ยิ่งใหญ่: คว้า “หัวใจคนทั้งชาติ” แม้พ่ายศึก “บอล 7 สี” 2568 พร้อมถอดบทเรียนสำคัญ รวบรวมจากโลกโซเชียล

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

     กรุงเทพฯ – ศึกฟุตบอลนักเรียน “แชมป์กีฬา 7 สี” ประจำปี 2568 นัดชิงชนะเลิศ ณ สนามศุภชลาศัย กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเกมกีฬา เมื่อ “หมอนทองวิทยา” ทีมรองบ่อนจากฉะเชิงเทรา แม้จะพ่ายให้กับทีมแกร่งอย่าง อบจ.ชัยนาท ไปด้วยสกอร์ 1-2 แต่กลับเป็นฝ่ายที่ “คว้าชัยชนะเหนือใจคนดู” และกลายเป็น “ซินเดอเรลล่าสตอรี่” ที่จุดประกายความฝันให้กับคนทั้งประเทศอย่างแท้จริง

“รถขนฝัน” พิสูจน์ความยิ่งใหญ่: บทเรียน 4 ข้อที่ได้จากเกมชิงดำ
     การเดินทางของโรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีนักเรียนเพียงกว่าสามร้อยคน และใช้ “รถขนฝัน” (รถสองแถวเก่า) เดินทางมาแข่งจนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในครั้งแรก ได้ทิ้งมรดกที่ล้ำค่าไว้ให้กับวงการกีฬาและสังคมไทย ดังนี้:

1. พลังของ Underdog: แรงบันดาลใจที่ไม่จำกัดด้วยขนาด
หมอนทองวิทยาได้พิสูจน์ว่า “ความฝันไม่มีขนาด” การโค่นล้ม “มหาอำนาจลูกหนังขาสั้น” และการเข้าถึงรอบชิงฯ ในครั้งแรก เป็นการจุดไฟแห่งศรัทธาให้กับเด็ก ๆ ทั่วประเทศว่า “ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้” จนถูกยกให้เป็น ‘ตัวแทนของเรา’ ในการพิสูจน์ตัวเอง

2. น้ำใจนักกีฬาที่ “เหนือกว่าผลแพ้ชนะ”
ภาพที่สร้างความประทับใจและถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมากคือ น้ำใจนักกีฬาอันงดงามที่เกิดขึ้นทันทีหลังเกมจบลง โดยเฉพาะภาพที่นักเตะเบอร์ 12 ของทีมแชมป์ อบจ.ชัยนาท ผละจากการฉลองชัย เดินตรงเข้าไปพยุงร่าง ตบบ่า โอบไหล่ และกอดนักเตะหมอนทองวิทยาที่ทรุดตัวลงด้วยความเสียใจ ภาพนี้ได้ตอกย้ำว่า มิตรภาพและศักดิ์ศรีในเกมกีฬาอยู่เหนือผลการแข่งขันใด ๆ

3. “ประตูสู่ฟุตบอลอาชีพ” ที่เปิดกว้าง
รายการนี้ได้ตอกย้ำสถานะ “สะพานสู่ความเป็นมืออาชีพ” อย่างแท้จริง เมื่อดาวเด่นอย่าง วรากร ช่างเขียนดี (“วิตินญ่าแห่งแปดริ้ว”) กองกลางของหมอนทองวิทยา ได้เซ็นสัญญาเข้าสู่เส้นทางอาชีพกับ การท่าเรือ เอฟซี ทันทีหลังจบทัวร์นาเมนต์ แสดงให้เห็นว่าเวทีนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตเด็ก ๆ จากทั่วประเทศให้ก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้

4. บทเรียนของผู้จัด: ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก
ความสำเร็จของทัวร์นาเมนต์ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ “สนามศุภฯ แตก” เป็นชัยชนะด้านความนิยมสูงสุด แต่ก็มาพร้อมกับคำตำหนิอย่างหนักในประเด็นความปลอดภัย

  • ปัญหาความแออัด: การที่ผู้จัดปล่อยให้ผู้ชมเข้ามาในสนามเกินความจุ จนต้องเปิดให้เข้ามายังบริเวณลู่วิ่งจนเต็มพื้นที่ ทำให้นักเตะไม่มีพื้นที่วิ่งเตะมุมหรือทุ่มบอล ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ต้องนำมาเป็นบทเรียนเพื่อวางแผนจัดการที่ดีขึ้นในปีถัดไป
  • เสียงจากโค้ชและนักเตะ: อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชหมอนทองวิทยา กล่าวว่า “ที่เราแข่งเพราะว่าต้องการให้มันจบ อะไรที่ยอมได้ก็ยอม มันอยู่ในสภาพไม่ปกติ” ขณะที่ วรากร ช่างเขียนดี ยอมรับว่าการที่แฟนบอลล้นทะลักนั่งติดขอบสนาม มีส่วนทำให้เล่นยากมากขึ้น

เบื้องหลังดราม่ากองเชียร์: ข้อวิจารณ์ด้านการบริหารจัดการ
นอกเหนือจากประเด็นความปลอดภัยโดยรวม ยังมีข้อวิจารณ์เกี่ยวกับการบริหารจัดการกองเชียร์ ที่นำไปสู่การเปิดประตูสนามด้านล่าง

  • ปัญหาการเข้าสนาม: มีรายงานว่ากองเชียร์ของอีกทีมที่มาถึงช้าไปกดดันผู้จัดการแข่งขัน เนื่องจากเข้าไม่ได้เพราะที่นั่งถูกจับจองเต็มหมดแล้ว โดยเฉพาะจากฝั่งที่มาถึงสนามตั้งแต่บ่าย
  • ความเห็นผู้สังเกตการณ์: มีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการเปิดประตูให้ผู้ชมเข้ามาในพื้นที่ลู่วิ่ง เนื่องจากอาจนำไปสู่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หากไม่สามารถควบคุมฝูงชนได้ เช่น “มันเหมือนบอล อบต. วิ่งลงไปข้างสนามเลย ตลกมาก” และ “กลัวความปลอดภัยของเด็ก ๆ ทุกทีม หากมีปะทะกันจนมีเรื่องกัน ถามจริงจะควบคุมไหวเหรอครับ”

บทสรุป: ชัยชนะของหัวใจที่กลับบ้านด้วย “รถขนฝัน”
หมอนทองวิทยาอาจไม่ได้ถ้วยแชมป์ แต่พวกเขาได้พิสูจน์ถึงพลังของการไม่ยอมแพ้ และทิ้งมรดกทางแรงบันดาลใจไว้ให้กับวงการฟุตบอลขาสั้นไทยอย่างไม่มีวันลืมเลือน

และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้จากเกมนี้คือ น้ำใจนักกีฬาและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทยทั้งชาติ ที่หลั่งไหลไปเชียร์ทีมรองบ่อน

  • อ.สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน พาทีมเดินทางกลับจังหวัดฉะเชิงเทราด้วย “รถขนฝัน” คันเดิม พร้อมกล่าวกับแฟนบอลว่า “ปีหน้าเราจะมีวันนี้อีก และจะแพ้จะชนะก็ขับคันนี้กลับ”
  • ขอแสดงความยินดีกับทีม อบจ.ชัยนาท ที่คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ และขอชื่นชมทีม หมอนทองวิทยา — พวกนายเก่งแล้ว ปีหน้าว่ากันใหม่!

 13,093 total views,  31 views today