สมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอเบตงร่วมกับ อส.ต้มน้ำสมุนไพรต้านภัยโควิด-19 แจกให้ผู้ป่วย Home Isolation เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สู้โควิด19

แชร์เลย

BETONG news รายงาน
วันนี้ (12 ต.ค.64) นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย นางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง นำสมาชิกกิ่งกาชาด ลงพื้นที่แจกน้ำสมุนไพรต้านภัยโควิด-19 300 ถุง แจกให้ผู้ที่กักตัว 14 วัน โดยเป็นผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว (ไม่มีอาการ) ที่ต้องสังเกตอาการที่บ้าน (Home Isolation) ในเขตเทศบาลเมืองเบตง ได้ดื่มทุกวัน รวมทั้งประชาชนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดงที่ต้องถูกกักตัวเพื่อรอดูอาการ 14 วัน หลังจากที่อำเภอเบตงยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จากการสัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว และเป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน คลัสเตอร์ตลาดสด และโรงงานในพื้นที่ จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นมาตรการและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตพื้นที่ชุมชนอย่างเข้มงวด
นางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง กล่าวว่า การต้มยาสมุนไพรต้านไวรัส เป็นศาสตร์แพทย์แผนไทยที่สืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชนในชุมชนได้มีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่ป่วยเป็นสิ่งที่คณะทำงานร่วมทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง สมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอเบตงจึงได้ร่วมกับ อส ร่วมกันต้มน้ำสมุนไพร ต้านภัยโควิด-19 ณ บ้านพักนายอำเภอเบตง เพื่อมอบให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่กักตัวอยู่ที่บ้านในเขตเทศบาลและพื้นที่รอบนอกเขตเทศบาลโดยมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาค ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการต้มน้ำสมุนไพรให้กับผู้ป่วยโควิดดื่มเพื่อบรรเทาอาการกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว โดยมีสูตรต้มสมุนไพร ประกอบด้วย น้ำ 40 ลิตร ขิงแก่ง 2 กิโล กระชาย 1 กิโลกรัม หอมแดง 1 กิโลกรัม กระเทียม 1 กิโลกรัม เกลือไอโอดีน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 200 ซีซี (1 ทัพพี) น้ำตาลอ้อย 2 ทัพพี จากนั้นนำวัตถุดิบมาล้างให้สะอาดทุบพอหยาบๆ ใช้หม้อต้มเบอร์ 50 ต้มน้ำให้เดือด นำส่วนผสมทั้งหมดลงไปต้มอีก 30-40 นาที เสร็จแล้วดื่มร้อนๆ จะบรรเทาอาการเจ็บคอ และหายใจได้โล่งขึ้น โดยทางกิ่งกาชาดอำเภอเบตง จะทำน้ำสมุนไพรดังกล่าว ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตเทศบาลและพื้นที่ 4 ตำบลรอบนอกทุกวันเพื่อบรรเทาอาการกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว พร้อมรับฟังปัญหาในการเข้าถึงในการรักษาของประชาชนเพื่อให้ได้รับการรักษาถูกต้องตามกระบวนการสาธารณสุขต่อไป