อาลีฟ มามะ รายงาน..
เมื่อวันนี้ 3 มิถุนายน 2564 เวลา 12.00 น. ณ ที่บังคับการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กองร้อยทหารพรานที่ 4811 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 หมู่ที่ 1 ตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พล.ต.ธีรา แดหวา รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส หลังก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่ พบความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงอยู่ในพื้นที่
จากการลาดตระเวน พิสูจน์ทราบ ซุ่มเฝ้าตรวจลาดตระเวนเชิงรุกทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อค้นหาเป้าหมาย และควบคุมพื้นที่ ตลอดจนปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงรุก เปิดแผนยุทธการการควบคุมพื้นที่รอบเขาตะเว และหมู่บ้านเชิงเขา เพื่อภารกิจในการควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุโดยการใช้ชุดปฏิบัติการกำลังเจ้าหน้าที่ และเครื่องมือที่มีอยู่เข้าปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่เป้าหมาย ควบคุมเส้นทางขึ้น-ลงเขา และหมู่บ้านเชิงเขาไม่ให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้เส้นทางลงมาก่อเหตุ รวมทั้งตัดช่องทางการสนับสนุน และส่งเสบียงจากแนวร่วม โดยใช้ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนดำเนินงานการเมืองในหมู่บ้านชายขอบเขา และใช้กำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดนราธิวาสบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบนป่าภูเขา และหมู่บ้านเชิงเขาบูรณาการส่วนราชการและกำลังภาคประชาชน เป็นหูป็นตาแจ้งเบาะแสสู่การบังคับใช้กฎหมาย โดยมี พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมติดตามสถานการณ์รายงานความคืบหน้า
ทั้งนี้ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ำ สั่งให้หน่วยได้ปฏิบัติการเชิงรุก จรยุทธ์เต็มรูปแบบ กดดันคนร้ายไม่ให้หลบซ่อนตามพื้นที่ป่าเขา กวาดล้างฐานปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบนพื้นที่ป่าภูเขา และทำลายเครือข่ายโครงสร้างหมู่บ้าน Support site ไม่ให้สามารถช่วยเหลือสนับสนุน และเป็นแหล่งพักพิงได้ ตลอดจนทำลายความพยายามการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติทางยุทธวิธี ให้กำลังพลมีความเข้าใจ รวมทั้งเพิ่มมาตรการความปลอดภัยของชุดปฏิบัติการ ไม่ประมาท ตื่นตัวอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างที่สร้างความสูญเสีย บาดเจ็บ แก่กำลังพล และสามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมทั้งควบคุมพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ได้กำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนถึง มาตรา 189 พร้อมทั้งขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนทุกคน อย่าได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดทั้งการให้ที่พักพิง หลบซ่อน จัดหาเสบียง เพราะจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมกับระบุว่า การช่วยเหลือโจรเท่ากับเป็นโจรเหมือนกัน
2,628 total views, 4 views today
More Stories
เลขาฯ รมต.ยุติธรรม ชี้ มหกรรมแก้หนี้ ปลดหนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม แก้ปัญหาหนี้สิน 242 ล้าน
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการ วิทยาลัยการอาชีพเบตง
เทศบาลเมืองปัตตานีจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อยอดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี