ธันวาคม 21, 2025

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

กระแสการเมืองชายแดนใต้: การเปลี่ยนผ่าน อุดมการณ์ และความหวังบนปลายปากกา

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

บทนำ
     บรรยากาศทางการเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคใต้กำลังก้าวเข้าสู่หมุดหมายสำคัญอีกครั้ง เมื่อสนามการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติเริ่มส่งสัญญาณความเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น มุมมองของ อาจารย์ฆอซาลี อาแว ได้สะท้อนภาพสะท้อนของ “ภูมิ(ทัศน์)รัฐศาสตร์” ที่กำลังเปลี่ยนไป ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของประชาชนที่ต้องเลือกระหว่าง “วิถีเดิม” กับ “โอกาสในการเปลี่ยนแปลง” บทความนี้จะถอดรหัสความเคลื่อนไหวเหล่านี้ผ่าน 4 ประเด็นหลัก ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเจตจำนงของคนในพื้นที่

การวิเคราะห์และคำอธิบาย: 4 ปัจจัยชี้ชะตาการเมืองใต้

1. ปรากฏการณ์ย้ายค่าย: โอกาสหรืออุดมการณ์?
      เราได้เห็นการข้ามพรรคของทั้งอดีต สส. และ สส. ปัจจุบัน โดยเฉพาะการหลั่งไหลเข้าสู่พรรคกล้าธรรมและพรรคภูมิใจไทย สิ่งนี้สะท้อนถึงการคำนวณ “โอกาส” ในการเข้าสู่รัฐสภาหรือการเป็นรัฐบาลในอนาคต แม้ในมุมหนึ่งจะถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ประชาชนกลับตั้งคำถามถึง “ความชอบธรรม” และนิยามของ “การเมืองสีขาว” ว่ายังมีอยู่จริงหรือไม่ ท่ามกลางภาพลักษณ์การเมืองสีเทาที่ถูกเคลือบแคลงสงสัย

2. การแสวงหาการเมืองที่สะอาด (Politik Bersih dan bermarwah)
      ภาคประชาสังคมและผู้นำศาสนาต่างพยายามผลักดันการเมืองที่ปราศจาก “ริชวะห์” (Rasuah) หรือการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เปรียบเปรยได้ว่า หากการเลือกตั้งคือกีฬาฟุตบอล เรากำลังขาด “กรรมการ” และระบบ “VAR” ที่มีประสิทธิภาพ เพราะในความเป็นจริงผู้ควบคุมกฎมักรอให้เกิดการร้องเรียน ทั้งที่การทุจริตเกิดขึ้นเห็นเด่นชัด ภารกิจสำคัญจึงตกอยู่ที่การสร้างความตระหนักรู้ว่า “ศักดิ์ศรีของประชาชนไม่ได้มีมูลค่าเพียงวันละไม่ถึง 1 บาท” (เมื่อทอนจากเงิน 1,000 บาท ในวาระ 4 ปี) หากเราขจัดระบบเงินตราออกไปได้ พื้นที่นี้จะได้เห็นคนมีความรู้ความสามารถตัวจริงก้าวลงสนามอีกมาก

3. นิยามของการทำงานเพื่อประชาชน
      ปัจจุบันมีผู้แสดงตัวพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวนมาก โดยอ้างเหตุผลว่า “เพื่อมารับใช้ประชาชน” แต่ข้อเท็จจริงคือ การรับใช้สังคมสามารถทำได้ในทุกบทบาทหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองเสมอไป การหลั่งไหลลงสนามการเมืองเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบของการพัฒนา หากขาดความเข้าใจในบทบาทที่แท้จริงของการเป็น “ตัวแทนราษฎร”

4. ภูมิรัฐศาสตร์ใหม่กับการกำหนดชะตากรรมตนเอง
      โจทย์ใหญ่ของชายแดนใต้ไม่ใช่แค่เรื่องตัวบุคคล แต่คือเรื่อง “โครงสร้าง” ตลอด 21 ปีของสถานการณ์ความรุนแรง ปัญหาความเหลื่อมล้ำ กระบวนการพูดคุยสันติภาพ ตลอดจนกฎหมายที่ต้องสอดคล้องกับบริบททางศาสนาและวัฒนธรรม (Power Sharing) รวมถึงปัญหาปากท้องอย่างราคายางพารา ทุเรียน และภัยคุกคามใหม่อย่างสแกมเมอร์ ทั้งหมดนี้คือบททดสอบว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างได้จริงหรือไม่

อภิปราย: การเมืองที่มากกว่าการลงคะแนน
     จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าการเมืองชายแดนใต้กำลังอยู่ในช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ระหว่างการยึดติดกับระบบอุปถัมภ์เดิมกับการก้าวไปสู่การเมืองเชิงนโยบายที่กินได้จริง การที่นักการเมืองย้ายพรรคอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด แต่สำหรับภาคประชาชน “ความอยู่รอด” หมายถึงความยุติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

     ประเด็นเรื่อง “การเมืองสะอาด” ไม่ใช่แค่เรื่องศีลธรรม แต่คือเรื่องของ “คุณภาพชีวิต” เพราะหากจุดเริ่มต้นมาจากการซื้อเสียง ปลายทางย่อมนำไปสู่การถอนทุนคืน และละเลยปัญหาเรื้อรังของพื้นที่ เช่น ปัญหายาเสพติดและการจัดการทรัพยากรเกษตรกรรม

บทสรุป
      การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจึงไม่ใช่เพียงแค่การเลือก สส. หรือผู้แทนท้องถิ่น แต่มันคือการ “ออกแบบอนาคต” ของชายแดนใต้ด้วยปลายปากกาของประชาชนเอง หากเราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เราจำเป็นต้องก้าวข้ามกับดักของเงินสินบน และหันมามองที่นโยบายและการจัดสรรอำนาจร่วมอย่างเป็นธรรม เพื่อให้เสียงของคนในพื้นที่เป็นเสียงที่กำหนดชะตากรรมของตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี

เพราะสุดท้ายแล้ว ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพียงเพราะนักการเมืองเปลี่ยนพรรค แต่เพราะประชาชนเปลี่ยนวิธีคิดและตระหนักในคุณค่าของตนเอง

 179 total views,  179 views today