พฤศจิกายน 26, 2024

สื่อเพื่อสันติspmc

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

คณะพี่น้องจะนะ ในภารกิจ Save บางกลอยเพื่อมนุษยธรรม #จะนะ-บางกลอย คนหัวใจเดียวกัน :บันทึกอุปสรรคกว่าจะผ่านด่าน

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัดและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

#อาทิตย์บ่ายๆของวันที่ 14 มีนาคม 2564 พวกเราในนามส่วนหนึ่งของคนจะนะ ทั้งชาวบ้าน นักเรียนและโต๊ะครู(ผู้นำการศึกษาศาสนา-สามัญ)จาก3โรงเรียน สิบแปดชีวิตบน 2คันรถตู้ ออกเดินทางจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตั้งแต่หกโมงเย็นของวันเสาร์(13 มี.ค.64) เดินรถได้ไม่นาน สังเกตุได้ว่ามีรถสายตำรวจผลัดเปลี่ยนกันตามประกบขบวนรถตลอด สลับกับด่านตรวจตลอดทาง

ทุกด่านให้ #คนจะนะ ลงจากรถตู้ตรวจแถว พร้อมทั้งตรวจ-ถ่ายภาพบัตรประชาชน ทุกครั้งเฉกเช่นนักโทษก็ไม่ปาน แม้แต่แวะจอดกินข้าว เข้าห้องน้ำ ก็มีคนตามประกบไม่ห่าง กว่าจะเดินทางไปพบพี่น้องบางกลอย มองดูนาฬิกาก็เกือบบ่ายสองโมง(14 มี.ค.64) ใช้เวลาเดินทางร่วม 20 ชั่วโมง

หลังจากเปลี่ยนจุดนัดพบกันหลายครั้ง จนมาจบลงบริเวณโรงพยาบาลแก่งกระจาน
นายซอรี หว่าหลำ่ บรรยายถึงเหตุการณ์ที่เผชิญกับตำรวจ ว่า “ไม่เข้าใจจริงๆว่า เขาผู้รักษากฎหมาย ทำไมต้องทำแบบนี้ ติดตามเรา นอกเครื่องแบบ ตลอดเส้นทาง 2วันเต็ม ตำรวจเองทำไมขอบัตรประจำตัวประชาชนเราแล้วทำไมต้องถ่ายบัตรด้วย คันอื่นๆตรวจเข้มแบบเราไหม? เหล่านี้คือคำถามที่ทำให้เรายิ่งไม่ไว้วางใจผู้ผู้ทักษ์สันติราษฎร์ เราเข้าใจตำรวจผู้น้อย ดังนั้นตำรวจผู้ใหญ่ท่านใดสั่ง เขาต้องรับผิดชอบ?รับผิดชอบอย่างไร?”
#ข้อเท็จจริงว่า ทำไมเราเครือข่าย ชาวจะนะ จะไปเยี่ยมเพื่อมนุษยธรรม

สุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า ความเข้าใจคลาดเคลื่อน 9 ข้อ ในประเด็น “ปัญหาการตีความกฎหมาย กรณีชนเผ่าพื้นเมืองกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน”
.
1. มีการอ้างว่าชาวบ้านเป็น “คนต่างด้าว” ไม่ใช่ “คนไทย” ข้อเท็จจริงคือ ปู่คออี้ และชาวบ้านนั้นแสดงตัวให้เห็นว่าตนเองนั้นมีบัตรประชาชน มีทะเบียนบ้าน เป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทยมายาวนานและมีหลักฐานที่ระบุชัดว่าเขาได้สิทธิในการคุมครองในการเป็นคนไทย
.
2. ชาวบ้านกลุ่มนี้เป็น “กะเหรี่ยง” ไม่ใช่ “กะหร่าง” คำว่า “กะหร่างไม่มีในประเทศไทย” เป็นการใช้คำบิดเบียนทำให้ชาวบ้านไม่ใช่คนไทย ในประเทศไทยกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมี 2 กลุ่มใหญ่ คือ ปกาเกอะญอ และ โพล่ง ซึ่งมีระบุไว้ในทางวิชาการ การใช้คำลักษณะนี้ทำให้ชาวบ้านบางกลอยถูกทำว่าไม่ใช่กะเหรี่ยงแท้ และในแง่มุมงานวิชาการนั้นมีการพูดถึงคำว่า กะหร่าง เป็นคำที่ดูถูก เหยียดหยาม ไม่ใช่คำที่คนของพวกเขาเรียกตัวพวกเขาในกลุ่มชนเผ่าเอง
.
3. บุกรุกที่ป่า แม้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นจะปรากฎคำนี้ แต่ในคำพิพากษาศาลสูงสุด คำนี้หายไปแล้ว ไม่ได้มีปรากฎในการจะอ้างเรื่องการบุกรุกป่า
.
4. ชาวบ้านถูกอพยพ 2 ครั้ง แท้จริงแล้วมีเพียงครั้งเดียวคือ 2539 เพราะ 2554 ไม่ใช่การอพยพ เพราะมีการใช้ ฮ. มีการเผาบ้านชาวบ้าน ชาวบ้านต้องหลบหนี ดังนั้นปี 2554 ไม่ใช่ “การอพยพ แต่เป็นการหนีตาย”
.
5. มีการจัดที่ให้ชาวบ้านครอบครัวละ 7 ไร่ ข้อเท็จจริงคือ พื้นที่บ้านโป่งลึกทั้งบางกลอยบนและบางกลอยล่าง ใจแผ่น ดินอยู่พื้นที่อุทยาน กฎหมายอุทยานไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการทำหน้าที่จัดพื้นที่ในอุทยานได้ แต่ให้พื้นที่ในพื้นที่ป่าสงวนเท่านั้น การอ้างว่าจัดพื้นที่ให้จริงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่อุทยาน
.
6. การอพยพชาวบ้านลงมาข้างล่างเพราะใจแผ่นดินเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ข้อเท็จจริงการจัดพื้นที่จากจุดใจแผ่นดินลงมาพื้นที่บางกลอยล่างนั้น มันคือพื้นที่อุทยานพื้นที่เดียวกัน การจะบอกว่าชาวบ้านลงมาอยู่ข้างล่างดีกว่าข้างบนจึงอ้างไม่ได้ ถ้าข้างบนผิดข้างล่างก็ต้องผิด เพราะเป็นพื้นที่ต้นน้ำเหมือนกัน
.
7. เมื่อชาวบ้านขึ้นไปอยู่ก็มีการกล่าวหาว่า “ชาวบ้านบุกรุกเปิดป่าใหม่” แสดงให้เห็นว่า รัฐยอมรับว่าพื้นที่เก่าของชาวบ้านมันได้เป็นป่าใหม่แล้ว ถ้าพื้นที่ป่านั้นสามารถฟื้นฟูใหม่ได้ “ตาม ม.65 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 ชาวบ้านก็สามารถไปขอใช้พื้นที่ได้” ไม่ใช่การไปจับชาวบ้าน
.
8. เจ้าหน้าที่อ้างว่าปฏิบัติการตามกฎหมาย “ต้องจับ” ข้อเท็จจริง ในบทเฉพาะกาล ม.64 ถ้าเข้าบทเฉพาะกาลให้ใช้บทเฉพาะกาลก่อน เพื่อใช้ในช่วงแรกๆ มีระบุให้ไปสำรวจที่ชาวบ้านอยู่อาศัยใน 240 วัน ซึ่งมีการชี้แจงในกฎหมายว่าไม่ใช่มาตรการบังคับ หรือมาตรการเร่งรัดให้ต้องรีบจับกุมชาวบ้าน
.
9. อ้างว่าทำตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งในคำพิพากษาฯระบุชัดว่า “ให้ยุติการจับกุมแล้วให้ความคุ้มครองชาวบ้าน” ไม่กี่วันก่อนโฆษกศาลฯ ได้แถลงว่าประเด็นคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดพูดคือ กรณีเผาบ้านชาวบ้านมีความผิด ส่วนประเด็นเรื่องที่อยู่อาศัยศาลไม่ได้พูดถึง ถ้ามีการอ้างประเด็นนี้ก็ยื่นฟ้องในเรื่องนี้

#ความจริงที่ได้สัมผัส
จากพูดคุยกับพี่น้องบางกลอยที่ถูกทางการจับขังคุกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รับฟังด้วยเสียงหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ชาติ(
รวมทั้ง “หน่อแอมีมิ(เดินไม่ได้) ลูกชายของปู่คออี้ มีมิ อดีตผู้นำทางจิตวิญญาณ และชาวกะเหรี่ยงบ้าน “บางกลอย” และใจแผ่นดิน)

“เมื่อมาสัมผัสเชิงประจักษ์…คนไม่เท่ากันจริงๆ”
ซิลลี่หรือชื่อเต็มอภิสิทธิ์ เจริญสุข “นักต่อสู้โดยใช้ช่องทางกฎหมาย แม้ตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือในระบบ เรียนรู้จากพระในวัด บอกกับพวกเราว่า “เขาทำงานร่วมกับนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนของสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โดยเขาจะต่อสู้ทางกฎหมายต่อไปอย่างอย่างไม่ย่อท้อเพื่อให้ชาวบ้านและหวังว่า เมื่อคำพิพากษายอมรับเป็นชุมชนดั้งเดิม กว่า 100 ปีสอดคล้องกับแผนที่ทหาร ในสื่อมวลชนที่ลงข่าว นั่นหมายความว่า มีสิทธิแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรอเอกสาร เนื่องจากเอกสารเป็นเพียงการรับรองเท่านั้น แต่สิ่งที่มีอยู่แล้วใช้ได้ซึ่ง ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยแตกต่างกับศาลปกครองชั้นต้น โดยศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยชัดเจนว่า ชาวบ้านผิดกฎหมาย บุกรุกป่า แต่ศาลปกครองสูงสุด ไม่ได้วินิจฉัยว่าชาวบ้านบุกรุกป่า เพียงแต่วินิจฉัยว่า ยังไม่มีเอกสาร จึงเห็นว่า ยังเน้นเรื่องเอกสารอยู่ ขณะที่ชาวบ้านไม่มีความผิด”
เขาเพิ่มเติมว่า “เขาเคยเรียกร้องแก่คนตัวเล็กตัวน้อยหลายที่รวมทั้งคนมลายูจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนจะนะ เขาจะต่อสู้ให้กับที่นี่ให้เป็นแบบอย่างให้คนตัวเล็กตัวน้อยของคนไทยเพราะถ้าที่นี่ชนะหมายความว่าทุกคนชนะ คนตัวเล็กตัวน้อย จะมีที่ยืนมีกำลังใจในการต่อสู้…มันหมาย ถึงอนาคตกฎหมายในการคุ้มครองทุกวิถีชาติพันธุ์ในสังคมไทย”

เรื่องราว #ชาวบางกลอยช่างสะท้อนใจว่า…ทำไมอำนาจรัฐจึงกดหัวผู้อ่อนแอ ทั้งประเทศ ในรูปแบบเดียวกัน เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฏหมายอนุญาต ถึงขนาดผลักดัน เคลื่อนย้ายถิ่นฐาน เผาบ้านเรือน จนถึงฆาตรกรรมตามที่เป็นข่าวมานานหลายปี #จนปัญหาบานปลาย เจ้าหน้าที่ยากที่จะถอย…ถ้าถอย ความจริงจะปรากฏ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะตายยกรัง จึงมีแต่เดินหน้าๆๆเกียร์เดียวเท่านั้นเพื่อให้รอดทั้งฝูง

ส่วนชาวบางกลอย ถ้าถอยหลัง จนถึงเส้นแพ้ ที่นั่นมันคือความตายและความล่มสลายของครอบครัวและชุมชนที่ไม่มีจะกิน ไม่พอเลี้ยงชีพ วิถีชีวิตดั้งเดิมถูกทำลายเสียสิ้น….

#จะนะบางกลอยคนไทยหัวใจเดียวกัน เราชาวจะนะในฐานะมลายูมุสลิมไทย พลเมืองไทย จะขอยืนหยัดตามปนิธานศาสนฑตมุฮัมมัดที่เรียกร้องบนพื้นฐานมนุษยธรรม มนุษยชาติ…ให้กำลังใจ พร้อมกะปิ ปลาแห้งที่ทำเองติดตัวมามอบให้พี้น้องบางกลอย พร้อมบริจาคเงินยังชีพฯช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในครั้งนี้….ก่อนกลับ #คนจะนะ สัญญาด้วยใจว่า #คนจะนะ ชุดใหญ่ ทีมใหญ่ จะกลับมาช่วยเหลือ พี่น้องบางกลอย อีกครั้ง เร็วๆนี้ แน่นอน
หมายเหตุ

1. ประมวลภาพกว่าจะผ่านด่าน
1. https://www.facebook.com/100000255130094/posts/4032827526735712/?d=n
2. https://www.facebook.com/206100476595421/posts/945842035954591/?d=n
2.ประมวลภาพทีเก่งกระจาน
https://www.facebook.com/1245604111/posts/10225491862263871/?d=n

 1,520 total views,  2 views today

You may have missed