มุสลิมไทย์แฟร์ อีกแบบอย่างความร่วมมือของต่างศาสนิก ท่ามกลางกระแส “Islamophobia “

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด และสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

(30 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563 )มีการจัดงานมุสลิมไทยแฟร์ ครั้งที่ 6 ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก กรุงเทพมหานคร เพื่อตั้งกองทุนหารายได้ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในประเทศไทยให้สามารถลี้ภัยไปดำเนินชีวิตได้อย่างถูกกฎหมายและมีความปลอดภัยในประเทศท่ามกลางกระแสIslamophobia ในไทยและโลกโดยเฉพาะที่ฝรั่งเศสหลังผู้นำฝรั่งเศสเหยียดหยามอิสลามและศาสนฑูตมุฮัมมัดในนามเสรีภาพ?

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสล่าสุด ที่กำลังเพิ่มดีกรีความรุนแรง สร้างความเกลียดชัง และถกเถียงในโลกรวมทั้งประเทศไทย ที่มาคือการนำภาพการ์ตูนล้อเลียนนบีมุฮัมมัดมาวิจารณ์กันในห้องเรียน โดยเรียกมันว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คำถามก็คือ เสรีภาพนี้ควรมีขีดจำกัดหรือไม่? เราสามารถนำภาพวาดล้อเลียนเปลือยกายของใครก็ได้บนโลกมาพูดคุยในห้องเรียนหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้น เส้นแบ่งระหว่างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการเคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์ของคนอื่นอยู่ตรงไหน นี่เป็นคำถามใหญ่ (
อ่านเพิ่มเติมใน
https://www.facebook.com/1245604111/posts/10224415437553926/?d=n)
อย่างไรก็แล้วแต่ต้องขอบคุณเพื่อนต่างศาสนิกโดยผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์และผู้มีชื่อเสียงต่างศาสนิกหลายท่าน ร่วมเวทีมุสลิมไทยแฟร์ ครั้งนี้ทั้งๆที่รู้เป็นงานที่จัดโดยมุสลิม เป็นการช่วยสร้างบรรยากาศความสมานฉันท์ ช่วยเป็นโซ่ข้อกลางระหว่างกัน ยึดความเป็นมนุษย์มาก่อนหรือ มนุษยธรรม และมนุษยชาติ ที่ไม่พรมแดน(ฟังคลิปย้อนหลังใน https://www.facebook.com/humanitarianthai/videos/3618992724830891/)
ดร.วิสุทธ์ บิลล่าเต๊ะ ประธานสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้ลี้ภัยกว่าหนึ่งแสนคนอาศัยอยู่ในค่ายพักพิง 9 แห่งในจังหวัดชายแดน ระหว่างไทยและเมียนมา และมีผู้ลี้ภัยในเขตเมืองที่พักพิงอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกกว่า 5,000 คน ทั้งที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR และที่ยังรอกระบวนการขอสถานะอยู่ และยังมีผู้ลี้ภัยอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในประเทศไทยและไม่ได้รับการรับรองสถานะจากUNHCR ซึ่งทั้งหมดประกอบด้วยชนชาติต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 30 ประเทศ
ครับหวังว่า “การเรียนรู้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะเรียนรู้ศาสนธรรมผ่านวัฒนธรรมและเชิงวิชาการ การเสวนาในครั้งนี้ เป็นความใจกว้าง ความเคารพ ให้เกียรติของต่างศาสนิกต่อเรามุสลิม จะยิ่งให้เรามุสลิมเองนำไปเป็นบทเรียนไปต่อยอดภายใต้แบบอย่างที่ศาสนฑูตได้เคยเป็นแบบอย่างให้กับเรากว่า 1,400 ปี”
หมายเหตุ อ่านเพิ่มเติม รายงาน/บทความIslamophobia นานาชาติ ไทยและชายแดนภาคใต้
1. http://spmcnews.com/?p=22874
2. https://deepsouthwatch.org/th/node/11160บาท

 1,532 total views,  2 views today