รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม มาเลเซีย ทุ่มงบกว่า 60 ล้านบาท สร้างอาคารเสริมสร้างการศึกษาเยาวชนไทย “อาคารเป็นเพียงวัตถุ แต่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวไทยและมาเลเซียเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง –กษิตย์ ภิรมณ์ อดีต รมต.ต่างประเทศ”
นับเป็นความโชคดีของประชาชนชาวไทยทุกคน โดยเฉพาะชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของประเทศไทยที่ได้รับอนิสงค์จากผู้ใจบุญจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซีย ที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับเยาวชนในพื้นที่ ยกระดับการศึกษาของเยาวชนให้เท่าเทียมกับเยาวชนในภาคอื่นๆ ของประเทศไทย บุรุษผู้นี้คือ ดาโต๊ะสรี โมฮำมัดนัศรี บิน ตันสรีอับดุลอาซีส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม มาเลเซีย ซึ่งท่านเป็นชาวฮูลูเปรัก ซึ่งติดกับอำเภอเบตง จังหวัดยะลาท่านยังยอมรับอีกว่าท่านเป็นลูกหลานของชาวปาตานี เนื่องจากต้นตระกูลของท่านมาจากปาตานีที่อพยพไปยังรัฐเปรัก การเดินทางของท่านในครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8-10 ภารกิจหลักๆของท่านคือการเปิดอาคารเรียนในจังหวัดปัตตานีที่ท่านให้การสนับสนุนและสร้างสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองท้องถิ่นและกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ชาวอำเภอสายบุรี ปัตตานีได้รับความปิติยินดีที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมมาเลเซียได้มาเปิดอาคารเรียนจำนวนสามอาคารด้วยกันที่โรงเรียนศาสนศึกษา ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ในงานพิธีเปิดอาคารสามชั้นและสี่ชั้นของโรงเรียนศาสนศึกษาในวันนี้ มีอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิตย์ ภิรมณ์มาร่วมงานในฐานะตัวแทนของงประเทศไทย มีกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา นายโมฮำมัดอาฟันดี อาบูบาการ์ และมีนายพงศ์เทพ ไขมุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีมาร่วมเป็นสักขีพยาน
อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศกล่าวในระหว่างพบปะกับแขกผู้มีเกียรติในพิธีเปิดว่า อาคารเรียนเป็นเพียงแค่วัตถุเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือสะท้อนถึงมิตรไมตรีของเพื่อนอย่างมาเลเซีย ท่านเป็นบุคคลสำคัญของประเทศมาเลเซีย และยังเป็นผู้บริหารระดับสูงในพรรคอัมโนอีกด้วย ท่านสามารถทำงานที่บ้านสบายๆ แต่ท่านยังข้ามแดน มาช่วยสนับสนุนคนมุสลิม และพุทธในพื้นที่ แสดงถึงความมีมิตรไมตรีที่ดีของท่านต่อคนในพื้นที่ ที่จะช่วยเหลือการศึกษาในพื้นที่ แลพอที่สำคัญยังเป็นส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับมาเลเซียอีก
ดาโตะสรีนัซรี ได้กล่าวในระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารว่า ท่านมาที่สามจังหวัดเมือปี 2532 ซึ่งท่านเดินทางเข้ามาทางด่านเบตง ซึ่งอยู่ติดกับเขตแดนบ้านของท่าน โดยกล่าวว่าในสมัยนั้นสภาพมัสยิดและโรงเรียนปอเนาะในพื้นที่มีสภาพที่แย่มาก ไม่มีการพัฒนาและไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลไทย
“จากสภาพดังกล่าวผมได้พบกับพี่น้องชาวปาตานีและปรึกษาว่าจะช่วยได้อย่างไร ในตอนแรกผมให้การช่วยเหลือซ่อมแสมและสร้างมัสยิดเพียงอย่างเดียว แต่การสร้างมัสยิดที่ใหญ่โตสวยงามแต่หากไม่มีคนละหมาดก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นระยะหลังๆ ผมจึงเปลี่ยนให้การช่วยเหลือในการสร้างอาคารเรียนแทนเนื่องจากการศึกษาเป็นหัวใจของการพัฒนาพื้นที่” ดาโตะสรีโมฮำหมัดนัซรีกล่าว
และมาถึงวันนี้ 30 ปี โรงเรียนปอเนาะเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม มีอาคารเรียนใหญ่ๆสวยงาม สองเส้นทางของถนนจากนราธิวาสถึงปัตตานี
“อันนี้บ่งบอกถึงความสำเร็จความสำเร็จของการศึกษาในพื้นที่ เราก็ยินดีด้วย และรู้สึกภาคภูมิใจกับการพัฒนาที่เกิดขึ้นในพื้นที่” ท่านรัฐมนตรีกล่าว
ตลอดระยะเวลา 30 ปี ท่านได้สร้างอาคารโรงเรียนและมัสยิดทั้งหมด 28 หลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จนถึงจังหวัดกระบี่
วันนี้ท่านดาโตะสรีมาเปิดอาคารเรียนสามอาคารที่ท่านให้การสนับสนุนจำนวน 62 ล้านบาท อาคารหลังแรกอาคารเรียนสามชั้นจำนวน 15 ห้อง สร้างเสร็จในปี 2548 ด้วยงบประมาณ 12 ล้านบาท อาคารหลังที่สอง อาคารเรียน4 ชั้น จำนวน 40 ห้อง สร้างเสร็จในปี 2551 และอาคารหลังที่สาม อาคารเรียนสามชั้น 43 ห้อง สร้างเสร็จในปี 2560 ใช้งบประมาณทั้งหมด 26 ล้านบาท
ดาโตะสรีให้สัมภาษณ์ว่า งบประมาณที่ท่านมาสร้างอาคารเป็นงบประมาณที่เพื่อนๆมอบให้ท่านในระหว่างการเลือกตั้ง ท่านเข้าสมัครเลือกตั้งทั้งหมด 5 ครั้ง และชนะทั้งห้าครั้ง และยังมีเงินเหลือจำนวนหนึ่ง
“เงินที่เหลือผมก็เอามาสนับสนุนในการสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอามานะฮ์ที่เพื่อนๆ ให้เงินสนับสนุนผม ผมไม่ใช่รำรวยอะไร แต่สิ่งที่ผมมาช่วยเหลือคือช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ในด้านการศึกษาศาสนาอิสลาม มีคนภามผมว่าทำไมต้องช่วยคนนอกประเทศมาเลเซีย ทำไมไม่ช่วยเหลือโรงเรียนศาสนาในมาเลเซีย ผมตอบว่า โรงเรียนศาสนาในมาเลเซียได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางแล้ว แต่ในพื้นที่โรงเรียนเหล่านั้นยังด้อยพัฒนา ดังนั้นเราต้องช่วยเหลือเพื่อยกระดับการศึกษา เพราะด้วยการศึกษาพื้นที่ตรงนี้จะได้รับการพัฒนา” ดาโตะสรีนัซรีกล่าว
ตูแวดานียา มือรีงิง SPMCNEWS
ปัตตานี รายงาน (10 มีนาคม 2561)
1,699 total views, 4 views today
More Stories
การยางยะลาเพิ่มทักษะการกรีดยางอย่างถูกวิธี ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ในการแข่งขันกรีดยางชิงแชมป์อำเภอเบตง
I SEE THE FUTURE อบจ.ปัตตานี มอบแว่นสายตาแด่น้อง แก้ปัญหาด้านสายตา สู่การพัฒนาด้านการศึกษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
HARD เชื่อมสัมพันธ์ ไทย – มาเลย์ ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ร่วมจัดการแผนความร่วมมือด้านการศึกษา