สาเลม ครู ข่าว ตูแวดานียา มือรีงิง ภาพ..
https://www.facebook.com/1377884235581891/posts/3226947280675568/
จากกรณีนางสาว นูรฮาลีซา เจะอาแว อายุ 18 อยู่บ้านเลขที่ 43 /1 หมู่ 1 ตำบลกะรุบี อำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ลูกจ้างร้านอาหารต้มยำกุ้งในมาเลเซียได้คลอดลูก ณ โรงพยาบาลกาจัง รัฐสลางอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา โดยเป็นการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนัก1.2 กก ทำให้ลูกมีอาการป่วยต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังจากคลอดโดยการผ่าตัดนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสามคืน และออกมาพักรักษาตัวที่พักซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเป็นเวลาสองสัปดาห์จากนั้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 เธอจำเป็นต้องเดินทางกลับไทยเพื่อต่อวีซ่าที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อเสร็จจะเข้ามาเลเซียเพื่อไปรับลูกต่อ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าประเทศมาเลเซียได้ เพราะมาเลเซียได้ปิดประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 เธอจึงต้องเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดปัตตานีเพื่อตั้งหลัก หาเงิน หางานทำ แต่งานหายาก ขณะนี้เธอได้พรากกับลูกเป็นเวลา 5 เดือน ซึ่งตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลคิดค่าใช้จ่ายในการทำคลอดและการดูแลเด็กเป็นเงินทั้งสิ้น 30,218 ริงกิ๊ต คิดเป็นเงินไทย 222,264.01 บาท ซึ่งทีผ่านมา ได้มีประชาชนผู้ใจบุญทราบข่าวได้ร่วมกันบริจาคเพื่อนำเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการนำตัวเด็กกลับมายังประเทศไทย
ความคืบหน้าล่าสุดในวานนี้ นางสาว นูรฮาลีซา เจะอาแว พร้อมด้วยสามี ได้เดินทางมาพบกับ นายสมศักดิ์ ทิพมณี นายอำเภอกะพ้อ ที่ว่าการอำเภอกะพ้อ เพื่อนำสเตทเม้นของธนาคารออมสิน สาชาสายบุรี ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดรับบริจาคเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการนำตัวลูกชายกลับมาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการเปิดรับบริจาคตั่งแต่วันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา จนล่าสุดในวันนี้ 29 ก.ค. มียอดเงินบริจาคตอนนี้ ยอดเงินบริจาคล่าสุดวันที่ 29 ก.ค เวลา 12.00 น คือ 191,193.04 บาท โดยไม่มีการเบิกจ่ายแต่อย่างใด และได้รับการช่วยเหลือจากพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวอีก 50,000 บาท รวมเป็นเงินบริจาคทั้งสิ้น 241,193.04 บาท นำมามอบให้กับทางภาครัฐทั้งหมด เพื่อโอนเงินดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าทีสถานทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ และดำเนินการจ่ายให้กับโรงพยาบาลกาจังเพื่อชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ค้างอยู่ เพื่อจะได้นำตัวเด็กชายอิรฟานวัย 5 เดือนกลับมายังประเทศไทยโดยเร็ว ซึ่งทางนางสาว นูรฮาลีซา เจะอาแว ได้ขอปิดรับบริจาคแล้ว และนำเงินทั้งหมดมามอบให้กับทางภาครัฐ เพื่อยืนยันว่าเงินทั้งหมดที่ได้รับบริจาคได้นำมาใช้ในการช่วยเหลือลูกชายกลับมา
“รู้สึกดีใจ ที่วันนี้ได้เงินจากการบริจาคเพียงพอกับค่าใช้จ่าย ที่ทางโรงพยาบาลมาเลเซียต้องการ ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ร่วมบริจาคเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการ เอาลูกกลับมา ขอบพระคุณทาง ศอ.บต. ขอบคุณทางจังหวัด และ ผู้ใหญ่บ้าน และขอบคุณทางหน่วยงานที่ ช่วยเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของลูกชายกลับมา ทำให้ตนเองรู้สึกดีใจมาก ที่เข้ามาช่วยเหลือในการนี้ ตนเองไม่ได้เจอหน้าลูกชายเลยเป็นเวลา 5 เดือน ทำให้ไม่รู้ว่าหน้าตาของลูกเป็นยังไง ตนขอให้ทางโรงพยาบาลถ่ายรูปลูกชายส่งมาให้ตน แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถทำให้ได้” นางสาว นูรฮาลีซา เจะอาแว กล่าว และ กล่าวอีกว่าตอนนี้ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร รู้สึกดีใจกับทุกอย่างที่ทุกหน่วยงานให้การช่วยเหลือ และมั่นใจว่าจะได้ลูกกลับมาเร็วๆนี้
“ทางอำเภอเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการที่จะช่วยเหลือ ได้ประสาน ไปยัง ผู้ใหญ่บ้าน ในการที่จะดูแลครอบครัวของน้อง และได้ประสานไปทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และทาง ศอ.บต. ในการที่จะติดต่อประสานเรื่องเอกสารต่างๆ ในการที่จะช่วยเหลือ และสอบถามถึงค่าใช้จ่าย ที่ทางโรงพยาบาลของประเทศมาเลเซีย ว่ามีค่าใช้จ่ายในการคลอดลูก และในการดูแลรักษาเด็ก ว่ามีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ เพื่อจะ เร่งช่วยเหลือ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งครอบครัวของน้องก็มีฐานะยากจน ซึ่งต้องขอขอบคุณ ผู้ที่ใจบุญใจกุศล มาร่วมกันบริจาคช่วยเหลือครอบครัวของน้อง เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายในการที่จะนำเด็กกลับมา” นายสมศักดิ์ ทิพมณี นายอำเภอกะพ้อ กล่าว
ในคณะเดียวกัน พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมคณะได้เดินทางไปยังบ้านแม่เด็กโดยได้ มอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับครอบครัว พร้อมทั้งได้กล่าวยืนยันว่า ทางภาครัฐเองไม่ได้นิ่งดูดายในการเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวในการที่จะรับตัวเด็กกลับมายังประเทศไทย แต่ที่ล้าช้าเพราะมันมีขั้นตอนทางกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ก็ได้มีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
“ซึ่งในส่วนงบของการช่วยเหลือในครั้งนี้ ทางศอ.บต.ก็ได้มีการประชุมร่วมกันในการหางบประมาณในการช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีข้อระเบียบเปิดให้ใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้ จึงได้ใช้งบส่วนตัวเองบริจาคให้กับครอบครัว 50,000 บาท ซึ่งในวันนี้เอง ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเงินบริจาคทั้งหมดที่มีผู้บริจาคช่วยเหลือเด็กกลับมาในครั้งนี้ โอนไปกระทรวงต่างประเทศที่เป็นค่าใช้จ่ายให้กับทางโรงพยาบาลของประเทศมาเลเซีย ทั้งหมดแล้ว แต่ในช่วงนี้ซึ่งจะเข้าช่วงวันหยุดของทางประเทศมาเลเซีย แต่จากการพูดคุยกับทางมาเลเซียแล้ว ทางการมาเลเซียจะเปิดเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสูจิบัตรให้กับเด็กให้เรียบร้อย ในเวลาที่กำหนด เพื่อยืนยัดตัวบุคคล จากนั้น ทางโรงพยาบาลกาจัง รัฐสลางอ ประเทศมาเลเซีย ที่รับเลี้ยงเด็กไว้ ก็จะนำเด็กขึ้นรถของโรงพยาบาล เพื่อนำตัวเด็กออกมา. เพื่อส่งตัวเด็กกลับทางด่านสะเดา จ.สงขลา แต่ด้วยอยู่ในช่วงมาเลเซีย วันหยุด ในช่วงวันฮารียอ คาดจะดำเนินการ ถึงที่หมาย ราววันที่ 4-5 เดือน สิงหาคมนี้”
ด้านนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ขั้นตอนในการที่จะรับตัวเด็กกลับมายังประเทศไทย มีขั้นตอนที่สำคัญอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.เราได้มีการมอบอำนาจให้ทางสถานทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย เป็นผู้รับตัวเด็ก โดยทางสถานทูตมีกรรมวิธีในการรับตัวเด็กภายใต้กฎหมายของทางมาเลเซีย เช่น การให้สัตย์ปฏิญาณตนว่าว่าได้รับฉันทะถูกต้อง และเป็นตัวแทนอย่างถูกต้อง 2. คือ เมื่อรับตัวเด็กแล้ว ต้องมีหลักฐานในการแจ้งเกิดก็คือ ใบรับรองการเกิดของโรงพยาบาล โดยต้องมีเอกสารอย่างถูกต้อง ซึ่งในขั้นตอนตรงนี้ก็จะมี เรื่องขอค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวกับการคลอดลูก และค่าใช้จ่ายในการดูแล และรักษาเด็กในขณะที่อาศัยอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งในขั้นตอนที่ 2 ที่จะไปเอาใบรับรองการเกิด จึงต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับทางโรงพยาบาล ในการทำคลอดและเลี้ยงดูเด็กเสียก่อน ซึ่งทางภาครัฐเองก็ได้มีการโอนค่าใช้จ่ายบางส่วนไปก่อนเพื่อเร่งให้ทางโรงพยาบาลได้ออกใบรับรองการเกิด เพื่อให้ทางสถานทูตได้ดำเนินการทำเอกสารการแจ้งเกิด และเป็นหลักฐานในการเพิ่มชื่อในทะเบียนที่เมืองไทยให้ถูกต้อง และขั้นตอนที่ 3.คือ ทำไมจึงได้มีการเร่งในการทำเอกสาร และโดนเงินค่าใช้จ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เนื่องจากว่าในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ทางประเทศมาเลเซียก็จะมีวันหยุดเนื่องในวันฮารีรายอ
“ซึ่งจุดตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งอาจจะมีการมองว่ารัฐไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ที่จริงแล้ว ทางภาครัฐเองได้เร่งรีบดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้ง ศอ.บต. ทั้ง ทางจังหวัด และ ทางสถานทูต ซึ่งบางทีก็ติดในขั้นตอนของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะต้องมีการให้เกียรติและไม่ก้าวล่วง หรือใช้อภิสิทธิ์ต่างๆ แต่อย่างใด ซึ่งขอยืนยันว่าทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการดำเนินการและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ในส่วนของเงินบริจาค ก็ขอให้เป็นการบริจาคเพื่อในไปใช้จ่ายเพื่อนำตัวเด็กกลับมาจริง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นประเด็นตามมาที่หลัง และอยากให้เห็นว่าได้มาแล้ว ไม่มีนอกไม่มีในหรือมีคนอื่นเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ ก็อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามารับทราบและ ดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด” นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
ขณะที่นายรพี มามะ ในฐานะ 1 ในคณะที่ปรึกษา ศอ.บต.ซึ่งได้ลงพื้นที่ พบปะแม่อายุ 18 ปีและครอบครัว เห็นว่า รัฐทุกฝ่าย ประชาชนต่างให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถนำเด็กหรือลูกที่คลอด ณ.โรงพยาบาลที่มาเลเซีย ข้อมูลเบื้องต้นเด็กสุขภาพดี มีน้ำหนักถึง 5.6 กิโล ครอบครัวดีใจทุกคน และคงเร็ววันนี้ หลังวันฮารีรายออิดิลอัฎฮา เจ้าหน้าที่ในพื้นที่และต่างประเทศ ทำงานอย่างเต็มที่ คาดจะนำเด็กกลับมาถึงเมืองไทย สู่อ้อมกอดแม่ได้ในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ดังกล่าว ได้มีนางพารีดะ อาลีซู คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (กอ.รมน.ภาค 4)และทีมงาน ได้ร่วมลงเยี่ยมพบปะครอบครัวดังกล่าว และมอบถุงยังชีพให้กับ นางสาว นูรฮาลีซา แม่อายุ 18 ซึ่งสนับสนุน ถุงยังชีพจาก คณะ สล.3 คณะประสานงานระดับพื้นที่
อัพเดต (30 ก.ค.2563)
984 total views, 2 views today
More Stories
ด่วน ! INC ออกแถลงการณ์ ต่อรัฐบาล ยกเลิกใช้ พรก.ฉุกเฉิน จังหวัดชายแดนภาคใต้ หนุนพูดคุยโต๊ะเจรจาสันติภาพ (มีคลิปแถลง)
แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะผู้บริหารทางการศึกษาเอกชน,ผู้บริหารมูลนิธิตาดีกา แดนใต้ ร่วมหารือแก้ปัญหาพื้นที่เพื่อสันติสุข เน้นย้ำ ใกล้ถึงถึงเดือนศิลอด ขอทุกฝ่ายจับมือ “รอมฎอนสันติ” ไม่เกิดเหตุรุนแรง เดือนอันประเสริฐ
กลุ่มพลังมวลชน ผู้นำศาสนา นักเรียน นักศึกษา รวมกว่า 500 คน ”รวมพลังต่อต้านความรุนแรง” ทุกรูปแบบ หน้าแฟลตตำรวจนราธิวาสจุดเกิดเหตุบอมบ์