ประเด็นร้อน

ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ประธานศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี (ภาคใต้)ให้เหตุผล จังหวัดใดที่ได้รับอนุญาตละหมาดวันศุกร์โดยมีเงื่อนไข ปริมาณของความจำเป็นทางศาสนา

แชร์เลย

الضرورة تقدر بقدرها

หนึ่งในหลักนิติศาสตร์อิสลามคือเมื่ออนุญาตให้บุคคลลงมือทำสิ่งที่เคยห้ามหรือให้ละทิ้งสิ่งที่เคยบังคับ ด้วยเหตุแห่งความจำเป็นที่ศาสนายอมรับแล้ว การกระทำดังกล่าวย่อมถือเป็นสภาวะฉุกเฉินที่อนุญาตให้ทำหรือละทิ้งเป็นการชั่วคราวเท่านั้น จะยาวนานเพียงใดขึ้นอยู่กับปริมาณของความจำเป็นนั้น

หากความจำเป็นดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะขจัดออกไปในเวลาอันสั้น สภาวะฉุกเฉินก็อยู่ยาว แต่หากสามารถควบคุมเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดความจำเป็นได้ในระยะเวลาอันสั้น สภาวะฉุกเฉินก็ต้องผ่อนคลายไปในระยะเวลาอันสั้นเช่นกัน

การอ้างความจำเป็นทั้ง ๆ ที่เหตุปัจจัยต่าง ๆ ถูกควบคุมจนไม่ก่อเกิดอันตรายแล้ว ถือเป็นเรื่องผิดต่อหลักศาสนา

เช่นเดียวกับการฝืนปฏิบัติตนตามปกติในยามที่คับขันอันตรายต่อชีวิตก็ผิดต่อบทบัญญัติศาสนาเช่นกัน

จะเรียกว่า”ความจำเป็น” ได้ต้องเป็นสิ่งที่ก่อเกิดอันตรายร้ายแรงต่อบุคคล ไม่ว่าจะต่อชีวิต ทรัพย์สินสติปัญญา หรือศักดิ์ศรีเกียรติยศ(الضروريات الخمس)

การขอให้งดละหมาดญะมาอะฮที่มัสยิดรวมทั้งงดละหมาดญุมอะฮ(วันศุกร์) ของจุฬาราชมนตรี ขณะเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็ดำเนินไปตามหลักการนี้

แต่เมื่อความจำเป็นนี้เกิดแค่ชั่วคราว ก็ต้องประเมินสถานการณ์เสมอ เนื่องจากการหยุดไปมัสยิดเป็นเพียงการผ่อนผันอนุโลมในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น เมื่อเห็นว่าภาวะคับขันอันตรายผ่อนคลายลงไปแล้ว ก็ต้องนำศาสนบัญญัติปกติกลับมาใช้ดังเดิม

วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 จึงมีประกาศฉบับที่ 5 จากจุฬาราชมนตรี ผ่อนปรนให้มัสยิดต่าง ๆ จัดละหมาดวันศุกร์ได้ ภายใต้คำแนะนำจากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดที่มัสยิดนั้นตั้งอยู่

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคในวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ตามการรายงานของ ศบค.มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเพียง 1 ราย ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2988 คน รักษาหายแล้ว 2747 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 187 รายเท่านั้น

ถือว่าความจำเป็นและอันตรายผ่อนคลายลงแล้ว และความเข้มงวดในการห้ามต่าง ๆ ก็จะต้องผ่อนคลายด้วยตามหลักการข้างต้น

หวังว่าเราจะได้ละหมาดทุกเวลาตามปกติที่มัสยิดในเร็ววัน อิน ชา อัลลอฮ