ดร.วุฒิศักดิ์ พิศสุวรรณ..

เราทุกคนต่างคิดถึงมัสยิด อย่างน้อยๆ ละหมาดญามาอะฮฺวันศุกร์หรือละหมาดยุมอัตที่เราทำร่วมกันอย่างสม่ำเสมอมาตลอดชีวิต
แต่ไม่ใช่ว่าใครคิดอยากไปมัสยิดก็ตัดสินใจกันเองเปิดกันเอง อย่างน้อยมี 2 เรื่องที่เราต้องรับผิดชอบ
1. คำประกาศของจุฬาราชมนตรีในฐานะผู้นำสูงสุดของมุสลิมในประเทศไทย ที่ขอให้งดการรวมตัวปฏิบัติศาสนกิจเป็นหมู่คณะ
2. คำประกาศทางด้านสาธารณะสุขและด้านการปกครองของภาครัฐที่ห้ามการรวมตัว
ทั้งสองเรื่องสอดรับกัน จุฬาราชมนตรี ออกประกาศที่สอดรับกับมาตรการทางด้านสาธารณสุข มีหลักการอิสลามรองรับ และจุฬาราชมนตรีเป็นผู้รับรองความถูกต้อง เป็นมาตรการเดียวกันของประเทศมุสลิมทั้งโลก
ผมไมอยากเห็นเราใช้ความรู้สึกคิดถึงคะนึงหาในการปฏิบัติศาสนกิจรวมกัน ณ มัสยิด อยู่เหนือหลักการและเหตุผลที่สอดรับกันทั้งสติปัญญา การสาธารณสุข และหลักการศาสนา
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้นำในการคิดวินิจฉัยตัดสินใจ ซึ่งผู้นำคิดรอบด้าน เข้าถึงข้อมูลทุกระดับ จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เราแค่ปฎิบัติตาม ไม่ได้มีอะไรที่มากไปกว่านั้นสำหรับเรื่องนี้ อย่าคิดเอง เออเอง รู้สึกไปเองว่าไม่น่ามีอะไร
หลายศุกร์แล้วที่ไม่ได้ไปมัสยิด ละหมาดญามาอะอฺห้าเวลา ละหมาดตะรอวีห์ และคงต้องคิดกันเรื่องละหมาดอีดด้วย เป็นธรรมดาที่รู้สึกคิดถึง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เรามีสิทธิ์คิดเอง เออเอง เข้าใจเอง หามาตรการเองว่าเราควบคุมได้
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้นำเถิดครับ

1,298 total views, 2 views today

More Stories
เงินเยียวยาศพ (มุสลิม) 2 ล้านบาท แนะ สำนักจุฬาราชมนตรีเร่งออกฟัตวาเป็นลายลักษณ์อักษร
มหาอุทกภัยจะนะรอบ 100 ปี “กระทบกับคนทั้งอำเภอ”: บทเรียนราคาแพงจาก “พื้นที่รับน้ำ” ที่ถูกถมทิ้ง พร้อมบทสะท้อนทำไม คนจะนะจึงคัดค้านโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐตลอด
มหาอุทกภัยจะนะ รอบ 100 ปี ความช่วยเหลือยังไปไม่ถึงหลายชุมชนที่รอคอย สะท้อนวิกฤต ในการบริหารของผู้นำ