อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
จากการที่ผู้เขียนได้คุยกับนพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขสงขลา ผู้ป่วยสงขลา คงที่ที่ 37 คน ถึง13 วัน(นับจากวันที่4เมษายน)กลับบ้านแล้ว 20 กว่าคน(หากไม่นับที่มาจากอินโดนีเซียเพราะเข้าระบบคัดกรองดูแลอย่างดี)แต่พอวันที่ 24 เมษายน 2563 มีตม.สงขลา 5-6คน หลังจากนั้นหนึ่งวันกลุ่มคนต่างชาติที่ถูกกักตัวอยู่ที่ศูนย์กักตัวผู้ต้องกักตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 42 คน (แยกเป็นเมียนมา 34 คน เวียดนาม 3 คน มาเลเซีย 2 คน เยเมน 2 คน กัมพูชา 1 คน และอินเดีย 1 คน ในจำนวนนี้ 1 คน เป็นหญิงชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง อายุ 24 ปี ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและส่งกัก เพื่อรอคดีสิ้นสุดก่อนผลักดันกลับประเทศ ตั้งครรภ์ 7 เดือน และติดเชื้อโควิดฯ ที่ศูนย์กักตัวผู้ต้องกัก)
จากทั้งหมด 115 คนทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อหรือที่เรียกว่า “ผู้ป่วยยืนยัน” สูงติดอันดับ Top 10 ของประเทศ ส่งผลทำให้สื่อโซเชี่ยลคนสงขลา (บางส่วน)วิจารณ์กล่าวหาคนต่างชาติเหล่านี้เสียๆหายๆ แต่ก็มีคนมีใจธรรม(น้อยมาก) ว่า “เราต้องไม่รีบด่วนสรุป พวกเขามีที่มาที่ไปอย่างไร พวกเขาถูกควานหาตัวและตรวจเชิงรุก แล้วจากนั้นเอามาอยู่รวมกันที่ศูนย์กักขังฯ หรือว่าพวกเขาถูกกักขังอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แล้วจึงติดเชื้อจากในศูนย์นั้น และการติดเชื้อนี้เกี่ยวข้องกันไหมกับการที่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ป่วยเป็นโควิด 19 จนต้องปิดด่านสะเดามาก่อนหน้านี้ “
เพื่อนผู้เขียน(ขอสงวนนาม)ที่ทำงานต่อเรื่องว่า “มันมีอะไรที่ลึกกว่าเนื้อข่าวหน้าสื่อมาก ดังนั้นเพือความยุติธรรมและแก้ปัญหาได้ถูกจุดจึง
มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะได้รับการแพร่เชื้อมาจาก 2 กรณี กรณีแรกคือรับเชื้อมาจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสะเดาที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นคนแรกซึ่งไปเข้าเวรที่ศูนย์กักแห่งนี้เมื่อวันที่ 4 เมษายนและในวันนั้นได้มีการส่งตัวคนต่างด้าวจำนวน10 คนจากสภ.หาดใหญ่ไปยังศูนย์กักแห่งนี้และมีการตรวจค้นร่างกายก่อนเข้าห้องกักส่วนอีกกรณีอาจมาจากหญิงชาวมาเลเซียชื่อ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีขับรถเก๋งชนคนงานหมวดการทางกำแพงเพชรเสียชีวิต 6 ศพ เมื่อวันที่13 สิงหาคมปีที่แล้วซึ่งถูกส่งมากักตัวที่ศูนย์กักเมื่อวันที่ 15 เมษายน ต่อมาวันที่17 เมษายน ได้ออกจากห้องกักมาโทรศัพท์คุยกับญาติที่มาเลเซีย และวันที่18 เมษายน มีอาการปวดหัวขอยาจากเจ้าหน้าที่ และถูกผลักดันกลับประเทศเมื่อวันที่ 20 เมษายน และป่วยโควิดมีอาการทรุดหนักถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 21 เมษายน ท้ายที่สุดต้องหาต้นและแถลงข่าวให้สาธารณะทราบมิฉะนั้นจะมีข่าวลือ ดร่ามา ตีตรา เหมารวม ในขณะเดียวกันขอเสนอให้มีการตรวจแบบจริงจัง แสกนพื้นที่แสกนบุคคลซึ่งในศัพท์ทางวิชาการเรียกว่า active case finding ด้วยการลงพื้นที่ X-ray ปูพรมตรวจเชื้อกับเป้าหมายเสี่ยง”เพราะผลจากทั้งตม.สะเดาและคนต่างชาติที่ติดโควิดดังกล่าวมีคนนับร้อยคนที่ได้คลุกคลีกับเขาซึ่งต้องตามให้หมดซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และเกรงว่า จะลุกลามเอาไม่อยู่สำหรับสงขลาถ้าบริหารจัดการไม่ดี ก็ขอให้คนสงขลาอดทนและเป็นกำลังใจในเรื่องมาตราการต่างๆที่จะถูกผ่อนปรนหลังจากจังหวัดอื่นๆ
จะอย่างไรก็แล้วแต่เพื่อมนุษยธรรมและป้องกันการระบาดของโรคในส่วนของคนต่างชาติดังกล่าว ทำให้จังหวัดสงขลารีบดำเนินการตาม มาตรฐานมาตราทางสาธารณสุขอย่างเต็มที่
โดยวันที่ 26 เมษายน 2563นพ.อุทิศ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.6 รก.ผกก.ตม.สงขลา นายแพทย์สุวัตนะ วิริยะพงษ์สุกิจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลสะเดา เครือข่ายสุขภาพอำเภอสะเดา และแพทย์จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เตรียมเข้าประเมินสุขภาพ โดยจะนำตัวผู้ต้องกักขัง ที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ไปกักตัวในห้องความดันลบ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อรักษาตามอาการต่อไป ขณะเดียวกัน นายแพทย์สุวัฒน์ วิริยะพงษ์สุกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนาทวี และรักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะเดา ได้เดินทางมาที่ศูนย์กักตัวผู้ต้องกัก ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา เมื่อเวลา 09.15 น. ของวันที่ 27 เมษายน 2563พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้มาวางระบบและวางแผนการรักษาแรงงานชาวต่างชาติที่ติดเชื้อ พร้อมเตรียมการตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรักษาแรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อทั้งหมด โดยส่วนใหญ่แรงงานต่างชาติซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อขณะนี้มีสุขภาพดี ไม่มีอาการหนัก ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย” ในขณะที่มูลนิธิคนช่วยคนนำโดยนายอิสมาอีล หมัดอาดัมและคณะนำอาหารละศีลอดสำหรับมุสลิมและอาหารจำเป็นสำหรับศาสนิกอื่นทุกวัน อีกส่วนหนึ่งจากผลของเหตุการณ์ครั้งนนี้ทำให้ ผู้ว่าจังหวัดสงขลา ทำหนังสือ ด่วนที่สุด
ขอข้าราชการควรดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน โดย
ห้าม ! ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ออกนอกเขต จ.สงขลา ก่อนได้รับอนุญาต
หากจำเป็นต้องมีหนังสืออนุญาต ซึ่งจะต้องแสดงหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ
สำหรับกรณีไปจังหวัดกลุ่มเสี่ยง กลับมาต้องแยกพัก 14 วัน สังเกตอาการ
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาย้ำว่าต้องปลอดภัย
#SaveSongkhla
1,070 total views, 2 views today
More Stories
ด่วน ! INC ออกแถลงการณ์ ต่อรัฐบาล ยกเลิกใช้ พรก.ฉุกเฉิน จังหวัดชายแดนภาคใต้ หนุนพูดคุยโต๊ะเจรจาสันติภาพ (มีคลิปแถลง)
แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะผู้บริหารทางการศึกษาเอกชน,ผู้บริหารมูลนิธิตาดีกา แดนใต้ ร่วมหารือแก้ปัญหาพื้นที่เพื่อสันติสุข เน้นย้ำ ใกล้ถึงถึงเดือนศิลอด ขอทุกฝ่ายจับมือ “รอมฎอนสันติ” ไม่เกิดเหตุรุนแรง เดือนอันประเสริฐ
กลุ่มพลังมวลชน ผู้นำศาสนา นักเรียน นักศึกษา รวมกว่า 500 คน ”รวมพลังต่อต้านความรุนแรง” ทุกรูปแบบ หน้าแฟลตตำรวจนราธิวาสจุดเกิดเหตุบอมบ์