พฤษภาคม 9, 2024

spmc สื่อเพื่อสันติ สรรค์สร้างสังคม

ข้อเสนอแนะหลัง“ดะวะฮฺตับลีฆ” และ มุสลิมเป็นจำเลย Covid-19

แชร์เลย

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) 
Shukur2003@yahoo.co.uk http://www.oknation.net/blog/shukur
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานี
เสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมค่อนข้างมองในแง่ลบต่อกลุ่มพี่น้องมุสลิม “ดะวะฮฺ” อาจจะเป็นเพราะผู้ที ติดเชื้อ Covid-19 ชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่ มาจากกลุ่มคนที่กลับจากการชุมนุมการเผยแผ่ศาสนาจากมาเลเซียในช่วงแรก และยิ่งเป็นข่าวดังมากที่สุดคือดะวะฮที่กลับมาจากอินโดนีเซียโดยเครื่องบินเหมาลำอันทำให้จังหวัดสตูลที่ไม่มีป่วย Covid-19 เลยถูกเจาะไข่แดงถึง15 คนแบบก้าวกระโดดแซงจังหวัดอื่น หลังจากนั้นมีการรายงานข่าว มีการขุดคุ้ยเรื่องก่อนหน้านี้ของ“ดะวะฮ”
มีการนำเอาคลิปวิดีโอจากคลิปของบางคนในกลุ่มนี้ซึ่ง ดูแล้วค่อนข้างท้าทายโรคนี้ มีการนำคลิปการรวมตัวทำกิจกรรม ซึ่งแน่นอน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะ ไม่ควรอย่างยิ่งในมุมมองของทุกคน จนไม่สามารถปฏิเสธการถูกตีตราแบบเหมารวม ลามไปถึงภาพรวมมุสลิมทั้งประเทศที่มุสลิมยากที่จะปฏิเสธ ถึงแม้บางคนอาจจะแย้งว่า สถิติภาพรวมประเทศไทยทั้งหมด เป็นคนมิใช่มุสลิม มิใช่คน“ดะวะฮ” เท่านั้น เพราะปัจจุบัน 12 เมษายน 2563 ศบค. รายงานว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 33 ราย รวมสะสม 2,551 ราย ใน 68 จังหวัด แต่4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สตูลจำนวน 204 คนเป็นมุสลิมทั้งหมด และมาจากเหตุคนของดะวะฮ์ทั้งหมด

เมื่อปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วมิสามารถปฏิเสธความรับผิดต่อสังคมในฐานะมุสลิมคือสมาชิกในพลเมืองไทย ผู้เขียนได้สัมภาษณ์เชิงลึกต่อแกนนำ“ดะวะฮ” และผู้นำการจัดการศึกษามุสลิม เพื่อหาทางออกร่วมกันภายในภาคหน้า(เป็นข้อเสนอแนะแค่สองคนเท่านั้น)
หนึ่งในแกนนำ ดะวะฮฺ (ท่านขออนุญาตสงวนนาม) กล่าวต่อผู้เขียนว่า “คำว่า ดะวะฮฺมีชื่อเต็มว่า “ดะวะฮฺตับลีฆ” เป็นขบวนการเคลื่อนไหวฟื้นฟูสังคมมุสลิมระดับโลกมีสมาชิกนับหลายร้อนล้าน คน คำว่า “ดะวะฮตับลีฆ” เป็นคำที่เริ่มใช้โดยท่านเมาลานาอิลยาสผู้ก่อตั้งกลุ่มดะวะฮฺตับลีฆอันหมายถึงกลุ่มทีทำงานเชิญชวนมวลมนุษย์สู่พระองค์อัลลอฮฺ และเผยแผ่สารของพระองค์อีกด้วย กลุ่มดะวะฮฺตับลีฆเกิดขึ้นครั้งแรกในเขตเมวาต ประเทศอินเดีย เมื่อปี พ.ศ.2477 โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์จากนักวิชาการมุสลิมดิวบาน ประเทศอินเดีย ผ่านท่าน ซาฮฺวลียยุลลอฮฺ อัลดะฮฺลาวี และโรงเรียนดารุลอุลูม ณ เมืองดิวบาน ประเทศอินเดีย จากนั้นกลุ่มดะวะฮฺตับลีฆก็ได้แพร่หลายสู่ประเทศต่างๆมากมาย ในปี พ.ศ.2508 กลุ่มดะวะฮฺตับลีฆก็เริ่มเข้าสู่ประเทศไทย

โดยมีศูนย์มัรกัสที่กรุงเทพที่มัสยิดหารูน บางรัก ภาคเหนือที่มัสยิดแม่สอด และภาคใต้ที่มัสยิดสุไหงโกลกจังหวัดนราธิวาส และในปี พ.ศ.2536 กลุ่มดะวะฮฺตับลีฆก็ได้สร้างมัสยิด อัลนูร-ศูนย์มัรกัสกลุ่มดะวะฮฺตับลีฆในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ จังหวัดยะลา แม้คนที่ติดเชื้อในประเทศไทยก็ไม่ใช่มาจากดะวะฮฺตับลีฆทั้งหมด กอร์ปกับมีแค่บางคนเท่านั้นไม่ยอมรับในข้อแนะนำทางการ แพทย์อย่างไรก็แล้วแต่เราพยายามอย่างมากเพื่อร่วมแก้วิกติเพราะเหตุการณ์นี้100 ปี ยังไม่เคยเจอการจะปรับทัศนคติ วิถีชีวิตประจำวัน คนมุสลิมทั่วไปมิใช่ง่าย ดังนั้นมีการทำความเข้าใจร่วมกันจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสมาคมแพทย์มุสลิมจันทร์เสี้ยว สำนักจุฬาราชมนตรี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามีประจำจังหวัด สภาอุลามาอ์ปตานีดารุสลาม และบรรดาแกนนำดะวะห์ตับลีฆ จนสุดท้ายก็มีคำสั่งจากผู้นำกลุ่มตับลีฆแห่งประเทศไทยให้ปฏิบัติตามคำสั่งจุฬาราชมนตรี
ผลงานการปฏิรูปวิถีชีวิตมุสลิมชายแดนภาคใต้ที่เห็นได้ชัดในอดีตที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากกลุ่มนี้ไม่ว่าการปฏิบัติศาสนกิจเรื่องละหมาดรวมที่มัสยิด การแต่งกายที่ถูกต้องตามหลักศาสนาโดยเฉพาะสตรี การสามารถผลิตบุคคลากรที่จำอัลกุรอานนับร้อย นับพันคน เป็นต้น
แม้ข้อดีของงานดะวะห์ ซึ่งเปรียบเป็นโรงงานรีไซเคิลคนไม่ดีสะมาเลเทเมา กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีเป็นคนดีกลับมาหน้าทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมต่อ ไป ดังนั้นดะวะห์ตับลีฆ โดยเฉพาะแกนนำ ผู้รู้ต้องไม่อยู่เฉย ทำหน้าทีเป็นคนสอแหละห์ เป็นคนดีและ พร้อมปรับปรุง และอาจต้องร่วมปฏิรูปกระบวนจัดการเรียนรู้หลักศาสนาในภาวะปกติกับไม่ปกติโดยเฉพาะในเรื่องหลักศรัทธาต่ออัลลอฮ์ หลักกอดอกอดัร(การกำหนดสภาวะการณ์ )หลักการมอบหมายต่อพระองค์ การบูรณาการร่วมระหว่างศาสนากับการแพทย์ซึ่งไม่เฉพาะกลุ่มดะวะฮ์แต่ในสังคมมุสลิมทั้งหมดให้เหมาะสมกับคำว่า ปตานีคือระเบียงมักกะห์(ด้านศาสนา) ร่วม ผลิตคนดีทำหน้าที่เป็นจิตอาสาต่อไปเพราะ ตรงนี้ งานนี้ช่วยประหยัดงบประมาณรัฐมหาศาลมิสามารถประเมินได้”
#สองบาบอฮุสนีย์ บินหะยีคอเนาะ ผู้จัดการโรงเรียนศาสนบำรุง อำเภอจะนะ จังหวัดสงลาให้ทัศนะว่า “Covid-19:อัลลอฮ์ มิได้ทดสอบเฉพาะกลุ่มดะวะห์แต่ทดสอบทุกกลุ่มให้กลับมาทบทวนตนเอง โดยเฉพาะสังคมโรงเรียนและสถาบันสอนศาสนาบ้านเราเพราะส่วนใหญ่คนมุสลิมชายแดนใต้ถูกสอน ถูก ผลิตจากพวกเรา เราต้องปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนในสถาบันพวกเรา โดยเฉพาะผมมีโรงเรียนศาสนา ผมจะไปเริ่มก่อนโดยปฏิรูปการจัดการเรียนรู้ให้เด็กทั้งศาสนาและสามัญสามารถบูรณาการได้ไม่แยกส่วน นอกจากความจำตัวบทต้องสร้างการจัดการเรียนรู้คิด วิเคราะห์มากขึ้น ไหนหลักการในภาวะปกติ ไหนหลักการศาสนาในภาวะวิกติ หลักการเรื่องความเห็นต่างแต่เมื่อผู้นำมุสลิมอย่างจุฬาราชมนตรีตัดสินต้องเชื่อ ต้องปฏิบัติซึ่งเป็นหลักการใหญ่กว่า “
หมายเหตุ
อ่านบทความเกี่ยวกับดะวะฮ์เพิ่มเติมของดร.อับดุลรอหมาน มูเก็มได้ที่
http://www.thealami.com/main/content.php?page=grid3&category=5&id=2345

 631 total views,  2 views today

You may have missed